นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ตนและพี่สาวทำโครงการส่งเสริมให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมทางการเมืองในพื้นที่ ทำมา 15 ปีแล้ว โดยนำวิทยากรของ พม.ไปอบรมสร้างความเข้าใจถึงบทบาทต่างๆ ให้ผู้หญิงในพื้นที่ ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควร อย่างตำบลหนึ่งมีผู้หญิงลุกขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่บ้านถึง 7 หมู่บ้านจาก 13 หมู่บ้าน ตนมองว่าศักยภาพประเทศไทยใช้ได้เพียงครึ่งเดียว เพราะผู้หญิงเป็นส่วนสำคัญที่ยังขาดหายไป หากเราได้ปลดปล่อยให้ผู้หญิงแสดงความสามารถและศักยภาพอย่างเต็มที่จะสร้างมูลค่าให้กับประเทศมากขึ้น แต่ผู้หญิงยังมีจุดอ่อนเรื่องภาระครอบครัวและข้อครหาเชิงชู้สาวซึ่งต้องระวังอย่างมาก นอกจากนี้ตนเชื่อว่า การส่งเสริมให้ความรู้ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในหรือนอกระบบการศึกษา เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้พ้นวงจรความยากจนได้ ตนจึงพยายามให้ความรู้กับทุกคนที่มีโอกาส แต่ให้เป็นความสมัครใจไม่ใช่การยัดเยียด ซึ่งตนมีเครือข่ายนักอบรมมากมายเพื่อเข้าไปช่วยเหลือให้ความรู้กับทุกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
“สิ่งที่ผมทำมาเป็นสเกลเล็กๆ ที่ทำในจังหวัดพื้นที่เขตเลือกตั้ง แต่ภารกิจสอดคล้องกับที่ พม.ดำเนินการ ผมได้บอกปลัด พม.และอธิบดีว่า ผมจะซื้อตั๋วไปเฟิสต์คลาสชาติหน้า โดยการสะสมทำบุญที่กระทรวงนี้ ผมทำงานแข่งกับเวลา ไม่ใช่ผมจะอยู่สั้น แต่เพราะงานที่ผมคิดเยอะมาก ผมตั้งใจไว้ว่า 3 เดือนจะต้องได้อะไร 6 เดือนต้องได้อะไร โดย 3 เดือนแรกจะต้องเห็นชัดเจนคือ มาสเตอร์แพลนผู้สูงอายุ ต้องวิเคราะห์ข้อมูลถึงวิกฤติที่จะเกิดขึ้นกับสังคมผู้สูงอายุ และต้องทำอะไร เพื่อเตรียมความพร้อมให้เกิดผลกระทบต่อสังคมผู้สูงอายุน้อยที่สุด ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและเป็นนโยบายเร่งด่วน และผมจะลงพื้นที่ดูความพร้อมทุกมิติที่จับต้องได้ นอกจากนี้ผมอยากจะผลักดันให้ผู้สูงอายุได้เบี้ยยังชีพ 1 พันบาท ไม่ใช่ต้องการหาเสียง แต่ผมอยู่ในพื้นที่ถูกชาวบ้านด่าให้แล้วยังกั๊ก โดยจะไปล่ารายชื่อ ส.ส.ที่เห็นด้วย” นายจุติกล่าว.
...