อุตุฯเตือนอีกพายุโซนร้อน “วิภา” อ่อน กำลังเป็นดีเปรสชัน ทำให้ทั่วทุกภาคเกิด ฝนตกหนักและน้ำท่วมวันที่ 4-5 ส.ค. ขณะที่อิทธิพลพายุทำให้ระดับน้ำโขงใน จ.หนองคาย เพิ่มสูงขึ้นและสีแดงขุ่น กระทบปลากระชังปรับตัวไม่ทันลอยตายเกลื่อน ส่วนที่ จ.พังงา เจ้าหน้าที่เจอเหยื่อเรือประมงล่มแล้ว 1 ศพ ยังสูญหายอีก 1 คน ด้าน รมช.เกษตรฯตรวจภัยแล้ง อ.พล จ.ขอนแก่น พบนาข้าวเสียหาย 2 แสนไร่ เตรียมเจาะบ่อบาดาลและขุดลอกบึงช่วยเกษตรกร
กรมอุตุฯเตือนทุกภาครับมือฝนตกหนักและน้ำท่วม โดยเมื่อวันที่ 3 ส.ค.กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฉบับที่ 17 เรื่องพายุโซนร้อน “วิภา” บริเวณอ่าวตังเกี๋ยเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และมีแนวโน้มอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวและตอนบนของภาคเหนือประเทศไทยช่วงวันที่ 4-5 ส.ค. ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ภาคเหนือที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน และตาก ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรี ภาคตะวันออกจังหวัดจันทบุรี และตราด ภาคใต้จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัย ผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไหหลำ ประเทศจีนตอนใต้ และประเทศเวียดนามตอนบนควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง

...
ส่วนร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบนเข้าสู่พายุโซนร้อน “วิภา” บริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และขอให้ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันอิทธิพลพายุ “วิภา” ทำให้อำเภอชายแดนของ จ.ตาก ประกอบด้วย แม่สอด พบพระ แม่ระมาด ท่าสองยาง และอุ้มผาง เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วม แม่น้ำเมยและแม่น้ำแปงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆท่วมเกาะโนแมนแลนด์ บริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 จนท่วมมิดหลังคาบ้านของชาวเมียนมากกว่า 100 ครอบครัวต้องอพยพหนีน้ำขึ้นมาอยู่ริมฝั่งชายแดนไทย อ.แม่สอด ขณะที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 1 เมตรจะเข้าท่วมตลาดไทย พ่อค้าแม่ค้าต้องขนย้ายข้าวของไปไว้ที่สูง
ส่วนที่ อ.พบพระ มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมานายเอนก คำแล นายยงยุทธ วาดวงศ์เอี้อย และนายกวี กาศสกุล นำเรือหางยาวออกหาปลาในแม่น้ำเมยบริเวณบ้านห้วยแล้ง ต.ช่องแคบ เคราะห์ร้ายถูกกระแสน้ำซัดเรือล่มจมน้ำ หลังเกิดเหตุนายยงยุทธว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งมาได้ ส่วนนายกวีถูกน้ำซัดไปไกลกว่า 3 กม. และมีชาวบ้านช่วยไว้ได้ ขณะที่นายเอนกจมน้ำหายไปยังค้นหาไม่พบ
ส่วนการค้นหาผู้สูญหายจากเรือประมงขนาดเล็กล่มหน้าเกาะพนัก หมู่ 1 ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ทำให้นายฮาโหรน ปานพืช อายุ 51 ปีและ น.ส.เสงี่ยมจิตร์ เสริมกิจ อายุ 44 ปี ชาว ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง สูญหายเมื่อคืนวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเช้าวันที่ 3 ส.ค.นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา สนับสนุนเรือ 5 ลำพร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ 30 คนร่วมกับทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมค้นหาผู้สูญหาย กระทั่งพบศพ น.ส.เสงี่ยมจิตร์ บริเวณทิศตะวันออกของเกาะพนัก (หน้าเกาะกาหยา) หมู่ 2 ต.คลองเคียน ส่วนนายฮาโหรนยังหาไม่พบ ด้านนายศิริพัฒ พัฒกุล ผวจ.พังงา เผยว่า กำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการค้นหาผู้สูญหาย และฝากย้ำเตือนชาวประมงให้รับฟังการแจ้งเตือนจากทางจังหวัดด้วย เนื่องจากระยะนี้จะมีคลื่นลมแรงและมรสุมเข้าฝั่ง

ขณะที่สถานการณ์แม่น้ำโขงในพื้นที่ จ.หนองคาย ที่ก่อนหน้านี้ปริมาณน้ำต่ำสุดในรอบ 50 ปี กระทั่งช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาเกิดฝนตกทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเฉลี่ยวันละเกือบครึ่งเมตร ล่าสุดเช้านี้เพิ่มขึ้นอีก 40 ซม.แต่ยังต่ำกว่าตลิ่งมาก โดยที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคายวัดได้ 4.10 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 8.10 เมตร อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นและมีสีแดงขุ่น ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังลุ่มน้ำโขงบ้านพร้าวใต้ ต.หินโงม อ.เมืองหนองคายได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากปลาปรับตัวไม่ทันลอยตายเป็นจำนวนมาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดหนองคายได้นำปลาที่ตายไปตรวจหาสาเหตุแล้ว
สายวันเดียวกัน นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่บ้านหนองสะแบง หมู่ 6 ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น หลังเจอปัญหาฝนทิ้งช่วงนานกว่า 2 เดือน ทำให้นาข้าวและพืชผลทางการเกษตรเหี่ยวได้รับความเสียหาย ขณะที่หลายพื้นที่ได้รับมรสุมจากพายุวิภา แต่พื้นที่ดังกล่าวกลับไม่มีฝนตก ลงมาเลย ทำให้ต้นข้าวใกล้ยืนต้นตาย นายประภัตร กล่าวว่า อ.พล มีพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งไม่มีน้ำกินน้ำใช้และน้ำเพื่อการเกษตร นาข้าวเสียหายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ประมาณ 2 แสนไร่ ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะเจาะบ่อบาดาล 5 บ่อ เพื่อช่วยนาข้าวที่ใกล้ตาย รวมถึงขุดลอกบึง 2 บึง คือทุ่งพึงพืด และอ่างเก็บน้ำละเลิงหงาย รวมพื้นที่ 1,500 ไร่ ใช้งบ ประมาณ 100 ล้านบาท หากทำสำเร็จจะเป็นโมเดลขอนแก่นแก้ภัยแล้ง เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดไป
...
ด้านนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.สระแก้ว เผยว่า ได้รับรายงานจากนายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอตาพระยา ว่า พื้นที่ตาพระยาได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วง อ่างเก็บน้ำห้วยยางและอ่างห้วยตะเคียนมีน้ำเหลืออยู่เพียง 7-8 % ไม่สามารถใช้ในการเกษตรได้เพราะต้องเก็บน้ำไว้เพื่ออุปโภคบริโภค อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ประกาศให้อำเภอตาพระยาเป็นพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เบื้องต้นพบพื้นที่เริ่มเสียหายแล้ว 50,000-60,000 ไร่ หรือเกือบครึ่งของพื้นที่เพาะปลูก คาดว่าอีก 15 วัน หาก ยังไม่มีฝนตกลงมาอาจเกิดความเสียหายทั้งอำเภอ

ที่ จ.ชุมพร เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ทำให้สวนผลไม้ในพื้นที่ ต.บ้านนา และ ต.ถ้ำสิงห์ อ.เมืองชุมพร ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก นางกัญชรส สมมั่น อายุ 47 ปี เจ้าของสวนทุเรียน หมู่ 11 ต.บ้านนา เผยว่าพายุครั้งนี้ทำให้ทุเรียนหักโค่นหลายต้น รวมถึงผลทุเรียนที่ใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวร่วงหล่นลงมาเกือบ 2 ตัน ทำให้ต้องนำทุเรียนไปแปรรูปเป็นอย่างอื่น เช่น ทุเรียนทอด หรือทุเรียนกวน สูญเสียรายได้ไปเกือบ 2 แสนบาท ส่วนเพื่อนชาวสวนรายอื่นๆเสียหายรายละไม่ต่ำกว่า 1 ตัน อย่างไรก็ตามขณะนี้กำนันผู้ใหญ่บ้านได้สำรวจความเสียหายเพื่อขอความช่วยเหลือจากทางอำเภอแล้ว
...