ในที่สุดตำรวจก็ยอมรับว่าไม่มีหลักฐาน?!
เรื่องนี้ผมเคยเขียนเปรียบเทียบคดี น.ส.สุปราณี หรือ ปลา พลดอน อายุ 22 ปี นักศึกษาระดับ ปวช.เรียนดีใน จ.ร้อยเอ็ด ที่ได้รับพัสดุซุกยาเสพติดส่งมาให้ที่บ้าน กับคดีแม่ของสารวัตรแย้ที่ได้รับพัสดุ ไปรษณีย์ลักษณะเดียวกัน
ทำไมนักศึกษาหญิงคนนี้ ถึงถูกจับส่งเข้าคุก แต่แม่สารวัตรแย้ถึงบัดนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องรอการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจอีกนานแค่ไหน?
ความจริงคดีนี้มันทะแม่งมาตั้งแต่ต้น เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าจับกุม “น้องปลา” หลังเพิ่งรับพัสดุซุกยาไอซ์ 10.3 กรัมมาหมาดๆ
หลังส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ ดำเนินคดี ประสานตำรวจ สน.โคกคราม ตามจับกุมชายวัยรุ่นอายุ 17 ปี ผู้ส่งยาเสพติดมาให้ได้อย่างรวดเร็ว ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักน้องปลามาก่อน!
ผู้ที่บอกให้ส่งยาเสพติดไปให้คือ นางฐิตา หรือ ลุ๊กตา พงษ์อัครวานิช อายุ 23 ปี รู้จักกันมาประมาณ 1 ปี เคยนำยาเสพติดมาส่งให้หลายครั้ง ทั้งที่ บขส.สุวรรณภูมิ รวมทั้งบ้านเช่าของนางฐิตา
พาตำรวจไปชี้จุดส่งยาได้อย่างถูกต้อง แถมชี้ตัวนางฐิตา ได้แม่นยำ!
แต่จนแล้วจนรอดตำรวจยังไม่ปล่อยนักศึกษาสาวที่อยู่ในเรือนจำซะอย่างงั้น ทั้งที่ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม อนุมัติเงินกองทุนยุติธรรม 1 ล้านบาทมาประกันตัว
ศาลจังหวัดร้อยเอ็ดเลยยังไม่ให้ประกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า ตำรวจยังคัดค้าน?!
จนกระทั่งวันที่ 26 ก.ค.หลังจากยื้อจนไม่มีอะไรจะทำแล้ว พนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ ยอมสั่งไม่ฟ้องส่งสำนวนให้อัยการ
“น้องปลา” ถึงได้ประกันตัวออกจากคุก หลังจากต้องติดคุกติดตะรางไม่ได้เรียนหนังสืออยู่กว่า 1 เดือนเต็ม สมกับเป็นการทำงานของกระบวนการยุติธรรมแบบไทยๆ!
...
ตอนแรกที่ไม่ยอมให้ประกัน คิดว่าตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ จะมีทีเด็ด มีหลักฐานสำคัญอะไร?
สุดท้ายก็บ่มีไก๊...
คราวนี้ถึงทีต้องเยียวยา “เหยื่อ” กระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังไม่เห็นใครเสนอหน้ามาออกความเห็น...
คนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ต้องโดนตั้งกรรมการสอบกันบ้างมั้ย หรือลองเอาไปนอนคุกซักเดือนจะได้รู้สึกว่า เอาคนบริสุทธิ์ไปติดคุกมันรู้สึกยังไง?
"สหบาท"