สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจ และมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่า เป็นแพทย์หรือเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการเสริมสวย นอกจากจะต้องสูญเสียเงินแล้ว ยังทำให้เกิดผลเสียหายกับจิตใจ หน้าตา หรือร่างกายของผู้เสียหายด้วย บางท่านทำให้การใช้ชีวิต การเงิน การงาน สภาพร่างกายและจิตใจ หรือครอบครัว เปลี่ยนไปเลยก็มี

จากประสบการณ์ในการทำงานด้านทนายความของผม พบว่ามีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการศัลยกรรม อันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของแพทย์ ผู้ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมหลายท่าน ซึ่งแพทย์ผู้มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์โดยตรง ยังมีโอกาสพลาดได้

ดังนั้น การที่ท่านไปรับบริการศัลยกรรมจากผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมย่อมมีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะได้รับความเสียหาย เนื่องจากผู้ที่แอบอ้างว่า เป็นแพทย์ไม่มีวิชาความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์โดยตรง ส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้จะอาศัยประสบการณ์จากการเป็นผู้ช่วยแพทย์ หรือเคยเป็นผู้รับบริการเป็นประจำ จึงทำให้สามารถที่จะอธิบายขั้นตอนในการทำงานได้เป็นอย่างดี จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความชำนาญทางด้านศัลยกรรม

การประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรม เช่น เปิดร้านรับตรวจ บำบัดหรือรักษาโรค ใช้ข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือสื่อสังคมออนไลน์ว่า รับรักษาโรค การกล่าวอ้างว่า ตนเองสามารถรักษาโรคได้ เป็นต้น การกระทำดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม มาตรา 26 ประกอบมาตรา 43

นอกจากนี้ การใช้คำว่า แพทย์ นายแพทย์ แพทย์หญิง หรือนายแพทย์หญิง หรือใช้อักษรย่อของคำดังกล่าว หรือใช้คำแสดงวุฒิการศึกษาทางแพทยศาสตร์ หรือใช้คำหรือข้อความอื่นใดที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือ ใช้คำหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบ วิชาชีพเวชกรรมสาขาต่างๆ ก็มีความผิดเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม มาตรา 27,28 ประกอบมาตรา 44 แล้วแต่กรณี

...

พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525

มาตรา 26 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามพระราชบัญญัตินี้.......

มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้คำว่า แพทย์ นายแพทย์ แพทย์หญิง หรือนายแพทย์หญิง หรือใช้อักษรย่อของคำดังกล่าว หรือใช้คำแสดงวุฒิการศึกษาทางแพทยศาสตร์ หรือใช้อักษรย่อของวุฒิดังกล่าวประกอบกับชื่อหรือนามสกุลของตน หรือใช้คำหรือข้อความอื่นใดที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทั้งนี้ รวมถึงการใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำดังกล่าวให้แก่ตน เว้นแต่ผู้ได้รับปริญญาหรือ ประกาศนียบัตรในวิชาแพทยศาสตร์

มาตรา 28 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้คำหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบ วิชาชีพเวชกรรมสาขาต่างๆ ทั้งนี้ รวมถึงการใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำดังกล่าวให้แก่ตน เว้นแต่ผู้ ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขานั้นๆ จากแพทยสภาหรือที่แพทยสภารับรอง หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในข้อบังคับแพทยสภา

มาตรา 43 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 44 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 27 หรือมาตรา 28 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สุดท้ายนี้ ขอฝากถึงผู้ที่กำลังตัดสินใจที่จะทำศัลยกรรม หรือ เสริมสวย ด้วยการฉีดสสารหรือสอดใส่วัตถุใดๆ เข้าไปภายในร่างกาย ให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด พิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับท่านได้ ที่สำคัญควรเก็บรวบรวมหลักฐาน ดังนี้

1. ใบเสร็จรับเงินของคลินิก หรือจากแพทย์ที่ท่านเข้ารับบริการ

2. ขอชื่อนามสกุลของแพทย์ที่ให้บริการ และเจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาล

3. ถ่ายภาพใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาล

4. ถ่ายภาพใบอนุญาตของแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล

5. ถ่ายภาพบริเวณใบหน้าหรือร่างกายก่อนที่จะเข้ารับบริการ เพื่อใช้หลักฐานในการเปรียบเทียบผลงาน

6. ข้อความสนทนาผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ

7. ควรถ่ายภาพร่วมกับแพทย์ที่ให้บริการแก่ท่าน ทั้งก่อนและหลังการเข้ารับบริการ เนื่องจากแพทย์มักจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้า เพื่อความสะอาด จึงอาจจะทำให้ท่านไม่สามารถยืนยันใบหน้าของแพทย์ได้

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมล์มาหาผมได้ที่ "คุยกับคนดัง" talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK