นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ที่ประเทศคองโก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 1,600 คน เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้าน สาธารณสุขระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า การออกประกาศดังกล่าว เนื่องจากพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศคองโกต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค. 2561 กระทั่งล่าสุดพบว่ามีผู้ป่วยกระจายไปยังเมืองโกมา ซึ่งเป็นเมืองหลักที่มีประชากรประมาณ 2 ล้านคนมีเขตแดนติดกับประเทศอื่นและมีสนามบิน จึงมีความเสี่ยงที่โรคจะกระจายออกนอกประเทศ WHO จึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เพื่อให้สามารถดำเนินการใน 2 ส่วน คือ 1.เพื่อจัดการความเสี่ยงด้านสาธารณสุข ไม่ให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาลุกลามไปยังประเทศอื่น และ 2.ให้สามารถระดมความช่วยเหลือระหว่างประเทศไปยังพื้นที่ระบาด

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า การประกาศดังกล่าวไม่ได้มุ่งหวังให้ เกิดการกีดกันการเดินทาง แต่เพื่อให้มีการตระหนัก และผู้ป่วยจะได้ไม่หลบ อยู่ใต้ดิน ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อการควบคุมโรค และการประกาศครั้งนี้ ความเสี่ยงยังอยู่ในพื้นที่คองโก ไม่ได้เป็นความเสี่ยงระดับโลก เช่นเดียวกับไทยที่ยังคงมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และรายงานเข้าสู่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติทุกครั้ง อีกทั้งมีการประเมินความเสี่ยง ยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศในนามประเทศไทย แต่เมื่อ WHO ประกาศออกมาเช่นนี้ ในส่วนของไทยก็ต้องยกระดับความเข้มข้นมาตรการเดิมที่เคยปฏิบัติมาในสองมิติ ในส่วนของผู้ที่เดินทางจากประเทศที่มีการระบาด จะต้องมีการตรวจสอบประวัติอย่างเข้มงวด โดยร่วมมือกับสายการบิน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และท่าอากาศยาน ต้องคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาว่ามีไข้ ต้องสงสัยอย่างไรหรือไม่ ระหว่างที่พำนักอยู่ในไทย ต้องสามารถติดตามและตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในช่วงระยะฟักตัวของโรค ส่วนผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศเสี่ยงหรือมีการระบาด จะต้องทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตัว ทั้งแง่ของการป้องกันโรค การติดต่อของโรคอาการต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนไม่มาก.

...