สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจอดรถในที่ห้ามจอด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สถานที่จอดรถไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในบางครั้งผู้ขับขี่มีความจำเป็นอย่างมาก จึงยอมฝ่าฝืนกฎหมาย จนต้องจอดรถบนทางเท้า หรือขอบทาง ซึ่งมีเครื่องหมายจราจรห้ามจอด หรือขอบฟุตปาทมีแถบสีแดงสลับขาว หรือสีเหลืองสลับขาว เป็นต้น
เมื่อมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญญัติจราจรทางบก หรือ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่เทศกิจ ก็จะออกใบสั่งติดไว้ที่หน้ารถ หรืออาจจะใช้เครื่องมือบังคับรถมิให้เคลื่อนย้าย เรียกง่ายๆ ว่า “เครื่องล็อกล้อ” ซึ่งอัตราค่าปรับก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ลักษณะความผิด และดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ในบางกรณี เจ้าหน้าที่ หากเห็นว่า มีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องจอดในที่ห้ามจอด เจ้าหน้าที่อาจจะใช้ดุลพินิจในการตักเตือน โดยไม่เปรียบเทียบปรับก็ได้
คดีลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะถูกปรับเท่านั้น แต่ในกรณีที่มีการขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เคลื่อนย้ายรถ หรือไม่ให้ใช้เครื่องมือล็อกรถ หรือทำลายเครื่องมือล็อกรถ กรณีนี้อาจจะถูกดำเนินคดี ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน และปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์ร้ายแรง หรือไม่สำนึกผิดในการกระทำ หรือเคยมีประวัติถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน ศาลอาจจะพิพากษาลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญาก็เป็นไปได้
...
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก
มาตรา 159 ผู้ขับขี่ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งสั่งตามมาตรา 59 วรรคหนึ่ง หรือขัดขวางเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มิให้เคลื่อนย้ายรถ หรือมิให้ใช้เครื่องมือบังคับรถมิให้เคลื่อนย้ายตามมาตรา 59 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเครื่องมือบังคับรถมิให้เคลื่อนย้ายหรือเคลื่อนย้ายรถที่เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือบังคับมิให้เคลื่อนย้ายตามมาตรา 59 วรรคสอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานสอบสวน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สุดท้ายนี้ ไม่ควรเอาความสะดวกสบายของตัวเองเป็นที่ตั้งจนไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น และสังคมส่วนรวม ขอให้ทุกท่านเคารพกฎจราจร เคารพกฎหมาย และเคารพสิทธิของผู้อื่น จะทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขครับ
สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK