แม้ยังมีข้อถกเถียง พระกริ่งปวเรศ วัดบวรฯ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้าง เนื้อแดงผิวดำ เนื้อเหลือง ผิวน้ำตาล รุ่นใดสร้างก่อนสร้างหลัง...
ค่านิยมวงการพระเครื่องยาวนาน ถึงวันนี้ ยอมรับกันว่า “ขอเป็นเพียงพระกริ่งปวเรศแท้...ก็พอแล้ว”
แต่จำนวนพระแท้...ที่เชื่อกันว่า มีอยู่ราว 30 หรือเริ่มมีข้อมูลใหม่ ขยายเพิ่มให้มี 100 องค์ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้คนที่อยากได้...ก็น้อยนิดเหลือเกิน เหมือนน้ำค้างหยดเดียวในมหาสมุทร นั่นเทียว
วันนี้ มาลอง “นับหนึ่ง” กันที่พระกริ่งปวเรศเนื้อดำ โดยยึดหลักจากองค์ครูในเก๋งจีนดินเผา พิพิธภัณฑ์วัดบวรฯ ที่ดูแต่ภาพกันจนคุ้นตา แต่หลายๆคนยังไม่เคยจับต้ององค์จริง
ประชุม กาญจนวัฒน์ เขียนไว้ในหนังสือ บรรณาการ เนื่องในงานบรรจุศพ นางธำรงพันธุ์ภักดี (สร้อยทอง วัฒนายากร) ที่จังหวัดปัตตานี 2 พ.ย.2514 โดยยึดข้อเขียนของ ร.อ.หลวงบรรณยุทธ ผู้ชำนาญเรื่องพระเครื่องรุ่นตำนาน ที่เขียนไว้เมื่อปี 2488 ว่า
พระกริ่งปวเรศ สร้างออกมาสองคราว คราวแรกอุดก้นด้วยทองแดง (สมเด็จฯสร้าง)
คราวสองอุดก้นด้วยทองเหลือง (อาจเป็นรุ่นหลวงชำนาญฯ หรือเจ้าคุณเฒ่า ก็ได้)
หลวงชำนาญ ที่ ร.อ.หลวงบรรณยุทธ ว่า คือ หลวงชำนาญเลขา (หุ่น) ซึ่งเป็นไวยาวัจกรวัดบวรฯ สมัยสมเด็จกรมพระยาปวเรศ และยังทำหน้าที่ต่อมาในสมัย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงครองวัดบวรฯต่อมาระยะหนึ่ง
เมื่อสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรสฯ ทรงย้ายไปวัดมกุฏฯ...หลวงชำนาญเลขา ก็ตามไปทำหน้าที่ไวยาวัจกร จุดนี้ ทำให้เชื่อมโยงไปถึง พระกริ่งปวเรศรุ่นที่นักเลงพระรุ่นเก่า เล่าว่าสร้างรุ่นหลังและเหมือนพระกริ่งปวเรศมากที่สุด เพียงแต่เนื้อในสีแดง (จำปา) กว่า
...
ที่เรียกกันว่า “รุ่นเจ้าคุณเฒ่า” ไม่มีคำอธิบาย เจ้าคุณเฒ่าคือผู้ใด จะหมายถึงหลวงชำนาญเลขา ก็ไม่ใช่ จะหมายถึง สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส...ก็เป็นคำขาน ที่ลดระดับพระยศ ไม่น่าจะใช่อีก
แต่รุ่นเจ้าคุณเฒ่า...ก็ดูจะเป็นรุ่นที่ได้รับการยอมรับจากนักเลงพระรุ่นเก่าไม่น้อย...

ศักดิ์ สุริยัน เขียนไว้ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ อำมาตย์เอก พระยาชลประทานธนารักษ์ วัดเทพศิรินทร์ พ.ศ.2515 ว่าข้อแตกต่าง รุ่นวัดบวรฯผิวดำทั่วกันทั้งองค์ ก็รุ่นเจ้าคุณเฒ่า ผิวส่วนลึกในองค์พระที่ไม่ถูกขูด ขัด แต่ง...ยังดิบด้าน...ไม่กลับดำเป็นมัน เหมือนผิวที่ส่วนที่จับต้องถึง
ดูภาพ พระกริ่งปวเรศ องค์ในคอลัมน์ เป็นพระหน้าใหม่ยังไม่เคยปรากฏโฉมในวงการ เดิมทีอยู่ในมือเซียนพระกริ่งมีชื่อ เปลี่ยนมือให้ เพื่อนที่รักและนับถือ ในราคา “วัดใจ” หลักแสน
เปิดไทยรัฐออนไลน์ จะเห็นสนิมสีดำปนเทาบางๆ...ส่วนที่นูนผิวหลุดเห็นกระแสเนื้อสีจำปา ไม่มีร่องรอยสึกช้ำเห็นเนื้อเหนอะเหมือนหนังช้าง หรือแตกเป็นตามุ้ง เพราะผ่านการจับต้องน้อย
สภาพของผิวสนิมเทา และส่วนที่สึกเห็นสีจำปา พอเทียบได้กับพระกริ่งปวเรศ องค์ของคุณเกี๊ยก ทวีทรัพย์ เพียงแต่องค์คุณเกี๊ยก หล่อออกมาติดพิมพ์ดี มีการใช้ของมีคมขุดแต่งน้อย
ฟอร์มทั้งองค์พระ วางเทียบได้ กับองค์ครู วัดบวรฯ และองค์หม่อมล้ำ (ม.ร.ว.ล้ำเลิศ หัสดินทร) ที่ประชุม กาญจนวัฒน์ เขียนเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ.2514 ได้เกือบทุกเส้นสาย
สันจมูกตรง ปากปลากัดชัด กำไลพระบาทซ้ายเซาะโค้งครึ่งวงกลม การลาดเอียงปลายพระบาทขวา กลืนหายต้นพระชานุซ้าย เหล่านี้ คือจุดสังเกต ที่ผู้สนใจควรจดจำไว้เป็นความรู้
นักเลงพระกริ่งรุ่นใหญ่ แนะให้เล่นพระกริ่งใหญ่ กริ่งบาเก็ง กริ่งสังฆราชแพ ฯลฯ และข้อแนะนำสุดท้าย “พระกริ่งปวเรศ” เป็นพระสร้างถวายเฉพาะเจ้านาย “ชาวบ้านสามัญ” อย่าฝันไขว่คว้าไปเลย.
พลายชุมพล