ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกๆที่ทำให้อาหารสุดยอดโปรตีนประเภทแมลงกลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ...มีเรื่องน่ายินดีสำหรับเกษตรกรไทย เมื่อมีรายงานจากสหประชาชาติระบุ อาหารประเภทนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับปริมาณอาหารที่เพิ่มตามไม่ทัน
รายงานดังกล่าวระบุว่า ภายในปี 2050 หรือ พ.ศ.2593 ประชากรโลก จะมีถึง 9.7 พันล้านคน และอาหารที่จะเลี้ยงประชากรโลกทั้งหมดจะต้องมีเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าถึงจะเพียงพอต่อความต้องการบริโภค
แต่พื้นดินเพาะปลูกมีเท่าเดิม แถมยังมีแนวโน้มลดลง และ 1 ใน 3 ของพื้นที่เพาะปลูกในโลกได้ใช้ไปในการปศุสัตว์ ขณะที่พื้นที่ป่าและน้ำมีจำกัด...แมลงจึงเป็นอาหารโปรตีนที่จะมาทดแทนปศุสัตว์ เพราะเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูงกว่า
นอกจากนั้นยังมีการยืนยันว่า โปรตีนจากจิ้งหรีดมีมากกว่าเนื้อวัว และยังมีกรดอะมิโนที่สำคัญ 9 ชนิด ทั้งวิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม โซเดียม โปแตสเซียม และแคลเซียม ที่สำคัญการเลี้ยงจิ้งหรีดใช้พื้นที่น้อยกว่าเลี้ยงวัว และยังปล่อยแก๊สมีเทนที่ทำให้โลกร้อนน้อยกว่าเลี้ยงวัวถึง 80 เท่า
นอกจากนี้ยังได้คาดการณ์ว่า การเลี้ยงแมลงรับประทานได้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในรูปแบบฟาร์มแนวดิ่งในอาคาร เป็นฟาร์มในเมือง ใช้พื้นที่ขนาดเล็ก และตลาดแมลงรับประทานได้จะมีมูลค่าถึง 1.53 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 50,000 ล้านบาท ในปี 2564
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะได้รับความนิยม...ทำเป็นแป้ง เพื่อนำไปผลิตเป็นอาหารประเภทต่างๆ เช่น ขนมปัง บิสกิต คุกกี้ ขนมปังมัฟฟิน ขนมหวาน ซุป สมูทตี้ ชิป และพาสตา ที่ทำจากจิ้งหรีดและหนอนนก
เมื่อทั่วโลกให้ความสำคัญกับโปรตีนคุณภาพจากแมลง โอกาสจึงเปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการไทย ที่จะวางแผนเพาะเลี้ยงและทำตลาด เพราะบ้านเราเหมาะสมในการเพาะเลี้ยงด้วยประการทั้งปวง.
...