สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจและอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับลูกจ้างเป็นอย่างมาก ในกรณีที่มีสถานบันเทิงหลายแห่ง ถูกตรวจสอบ เช่น ผู้ที่เข้ามาใช้บริการมีอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือไม่ เปิดเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ รวมไปถึงผู้ที่เข้ามาใช้บริการมีสารเสพติดในร่างกายหรือไม่ เป็นต้น โดยมีการประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้ามาใช้บริการในสถานบันเทิง หรือเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือพบสารเสพติดในร่างกายของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ เป็นเหตุให้สถานบริการหลายแห่งต้องปิดตัวลงตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่
นอกจากเจ้าของกิจการจะต้องรับผิดตามกฎหมายและปิดกิจการตามคำสั่งแล้ว ปัญหาดังกล่าวยังสร้างความเดือดร้อนให้กับลูกจ้างในสถานบันเทิง ซึ่งมีทั้งลูกจ้างรายวัน และลูกจ้างรายเดือน ซึ่งการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 118 วรรคสอง หมายความว่า การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป จากปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดประเด็นคำถามมากมาย
ประเด็นที่ 1 กรณีเป็นลูกจ้างรายวันหรือลูกจ้างรายเดือน แต่ไม่ได้มีสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรจะสามารถเรียกร้องค่าชดเชยตามกฎหมายจากนายจ้างกรณีปิดกิจการได้หรือไม่
คำตอบ ในการว่าจ้างแรงงาน แม้จะไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรก็ตาม แต่หากมีการตกลงจ้างและให้สินจ้างกัน ก็ถือว่าสัญญาจ้างแรงงานเกิดขึ้นแล้ว กรณีลูกจ้างรายวันหรือลูกจ้างรายเดือนในสถานบันเทิงย่อมเป็นลูกจ้างตามกฎหมาย เทียบเคียง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652-2653/2529
...
ประเด็นที่ 2 เมื่อนายจ้างปิดกิจการลูกจ้างมีสิทธิ์อย่างไรบ้าง
คำตอบ เมื่อนายจ้างปิดกิจการ โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย ประกอบกับลูกจ้างไม่ได้ลาออก หรือลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดต่อนายจ้าง ลูกจ้างจึงมีสิทธิ์เรียกร้อง ดังนี้
1. ได้รับค่าชดเชยตามระยะเวลาการทำงาน พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานมาตรา 118
ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้าง ปัจจุบันหลักเกณฑ์การชำระค่าชดเชยกรณีเลิกจ้าง เป็นดังนี้
- ทำงานต่อเนื่องครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้ค่าชดเชยไม่น้อยกว่า 30 วัน
- ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 90 วัน
- ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 180 วัน
- ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่เกิน 8 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 240 วัน
- ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 300 วัน
- ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 400 วัน
2. ได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน
3. ค่าชดเชยพิเศษ
4. ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
5. เงินค่าวันลาพักร้อนที่เหลือ มาคำนวณเป็นเงินคืนให้ลูกจ้าง
ประเด็นที่ 3 นายจ้างจะชำระเงินค่าสินจ้าง ค่าชดเชย หรือค่าเสียหาย โดยต่อรองชำระเพียง 50% ของเงินที่นายจ้างจะต้องรับผิดชอบได้หรือไม่
คำตอบ นายจ้างมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบค่าสินจ้าง ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ และค่าเสียหาย เต็มจำนวน จะบังคับให้ลูกจ้างรับเงินเพียงแค่บางส่วนไม่ได้
ประเด็นที่ 4 หากลูกจ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีนายจ้างไม่ชำระค่าสินจ้าง ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ และค่าเสียหาย ควรทำอย่างไร
คำตอบ เมื่อลูกจ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ได้รับค่าจ้างตามสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ลูกจ้างสามารถไปยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานท้องที่ที่ลูกจ้างทำงานอยู่ หรือท้องที่ที่นายจ้างมีภูมิลำเนาอยู่ โดยพนักงานตรวจแรงงานจะต้องดำเนินการทำคำสั่งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่ลูกจ้างยื่นคำร้อง
สุดท้ายนี้ ไม่ว่ากฎหมายจะกำหนดไว้อย่างไรก็ตาม แต่หากยึดหลักแห่งความเห็นใจกันทั้งลูกจ้างและนายจ้าง ก็จะทำให้กิจการดำเนินการต่อไปได้ ทำให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยปกติสุขและไม่มีข้อพิพาทให้ปวดหัวครับ
สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ
Facebook: ทนายเจมส์ LK
...