ธรรมะสนามพระวิภาวดี วันนี้มาจาก หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ท่านสอนว่า “ความทุกข์เป็นบทเรียนที่ประเสริฐของชีวิต และเป็นเหตุกระตุ้นเตือนให้ก้าวไปข้างหน้า พวกเราทั้งหลาย จึงไม่ควรย่อท้อต่ออุปสรรค ควรเห็นว่าอุปสรรคเป็นเครื่องสร้างกำลังใจ และเป็นปากทางไปสู่ความสำเร็จในภายหลัง” ท่านมรณภาพไปเมื่อ พ.ศ.2550 แต่คำสอนของท่านยังใช้ยึดถือเป็นแนวคิดแนวปฏิบัติได้ทุกยุค.....
และแล้วก็ไปเปิดเวทีพระเครื่อง เริ่มกันด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม ทรงเจดีย์ พิมพ์แคบ วัดใหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม อีก ๑ พระพิมพ์สมเด็จที่ค้นพบ นำขึ้นจากกรุพระเจดีย์ใหญ่ วัดใหม่อมตรส พร้อมพระพิมพ์มาตรฐานอื่นๆ คราวทำพิธีเปิดกรุอย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐.....
แต่ด้วยจำนวนพระพิมพ์นี้ที่มีน้อย แค่หลักสิบ ทำให้ไม่คุ้นตานักนิยมพระเครื่องยุคนี้ นอกจากจะเป็นนักนิยมพระยุคเก่า ที่มีโอกาสได้รู้เห็นเล่นทัน ตอนทำพิธีเปิดกรุ ได้เห็นการประทับตราวัดที่พระก่อนออกให้บูชา.....
พิมพ์พระมีลักษณะด้านข้างทั้งสองบีบแคบกว่าพิมพ์พระปกติ ซึ่งมีผู้รู้ให้ทัศนะว่า น่าจะเกิดจากองค์พระ ที่ถอดพิมพ์แล้วเนื้อยังฉ่ำเหลว ไม่ได้รูปทรงอยู่ตัว จึงพยายามแก้ไขให้กลับมาอยู่ในฟอร์มทรง โดยใช้วัตถุบีบบังคับ แต่งเนื้อด้านข้างทั้งสองให้รัดตัวอยู่ในรูปทรง จนเนื้อพระเซตตัวแห้งสนิท.....
...
ทำให้องค์พระมีลักษณะพิมพ์บีบแคบกว่าปกติ เห็นได้จากพระพิมพ์นี้ จะมีเนื้อด้านข้างหนาเป็นพิเศษ อย่างองค์นี้ของเซียนใหญ่ เฮียเปี้ย ท่าพระจันทร์ ซึ่งพิจารณาความเป็นพระแท้ได้จากสภาพคราบกรุ ที่มีเม็ดผุดมาก เนื้อมวลสาร และเอกลักษณ์รอยปาดรอยปริแยกด้านหลัง เหมือนพระบางขุนพรหมพิมพ์อื่นๆ.....
และที่สำคัญคือ รอยปั๊ม ตราวัด รูปองค์พระเจดีย์ (หมึกม่วง) ที่เป็นสัญลักษณ์ ก็ยังมีให้เห็นที่ด้านหลังองค์นี้ แม้เลือนรางไปบ้าง.....
ต่อไปคือ พระรอด พิมพ์กลาง กรุวัดมหาวัน ลำพูน พระแท้ ดูง่าย สภาพผ่านใช้ ผิวเนื้อเป็นรอยช้ำบางจุด แต่พิมพ์พระยังชัดเจนงดงาม ฟอร์มทรงดี สีเนื้อมาตรฐาน ครบเครื่อง พระดี มีคุณภาพ.....
องค์นี้ของ เสี่ยหนึ่ง พบพุทธ ซึ่งมาเยือนสนามพระวิภาวดีเป็นครั้งแรก ก็เปิดตัวด้วยพระหลักยอดนิยมระดับเบญจภาคี--ก็ขอต้อนรับและเชื่อว่าจะมีพระชั้นดี มีระดับ มาให้แฟนคลับสนามพระวิภาวดีได้ดูกันต่อเนื่อง.....
ตามมาด้วย พระกริ่งคลองตะเคียน พิมพ์กลางไหล่ยก กรุคลองตะเคียน อยุธยา พระพิมพ์เนื้อดินเผาที่มีเอกลักษณ์การสร้างโดดเด่น ทำให้ได้ชื่อเรียกเป็น พระกริ่ง เพราะในองค์พระมีการบรรจุ เมล็ดพุทธรักษา เขย่ามีเสียงดังขลุกขลิก ทำให้ได้ชื่อเรียก พระกริ่งคลองตะเคียน แต่เนื้อพระเป็นดินกรองละเอียดผสมใบลานเผา.....
พบบรรจุในวัดร้างริมฝั่งน้ำ ต.คลองตะเคียน อ.เมือง อยุธยา เชื่อว่าเป็นพระที่สร้างไว้โดยพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทพุทธาคม สมัยอยุธยาตอนปลาย และก็เป็นการสร้างโดยพระเกจิเพียงรูปเดียว เพราะพระทุกองค์มีรอยลายมือจารอักขระลายมือเดียวกัน.....
พิมพ์พระมีหลายแบบ อาทิ พิมพ์ใหญ่ไหล่ยก พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางไหล่ยก พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก.....
เนื้อพระเป็นดินกรองละเอียดผสมใบ ลานเผา สีเนื้อมี ๓ สี คือ ดำ เทา เหลืองอมเขียว (สีไผ่สุก) อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มีปรากฏเลื่องลือเรื่องคุ้มครองป้องกันภัยถึงคงกระพันชาตรี หนังเหนียว ตีไม่แตก ฟันไม่เข้า เลือดไม่ตก ยางไม่ออก มาตั้งแต่นำขึ้นจากกรุ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๔.....
ปัจจุบัน ชื่อเสียงความนิยมยังมิได้ลดน้อยถอยลง พระพิมพ์ใหญ่ไหล่ยก ได้รับความนิยมสูง ราคาอยู่ที่หลักแสน ส่วนพิมพ์กลางไหล่ยก อย่างองค์ในภาพนี้ของ เสี่ยเบนจมิน ท่าพระจันทร์ ที่ได้รับความเป็นพิมพ์รอง อยู่ที่ ๕๐,๐๐๐ บวกลบ ก็เป็นพระแนวบู๊ ที่คนมีใช้บูชาบอกว่า ใช้แล้วสบายใจ ได้เห็นพุทธคุณแน่.....
สำนักต่อไปคือ พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก พิมพ์ประกบใหญ่ มีหู หลวงพ่อครน วัดอุตตมาราม (บางแซะ) รัฐกลันตัน มาเลเซีย.....
ท่านมีกำเนิดเป็นชาวบางแซะ เมื่ออุปสมบทได้เดินทางไปเรียนกรรมฐานวิชาพุทธาคม เป็นศิษย์ พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ เมื่อเรียนจบ ได้ออกธุดงค์ เดินทางกลับถิ่นกำเนิด ระหว่างทางได้พบพระเกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังขมังเวท ได้รับการถ่ายทอดวิชาทั้งพุทธเวท ไสยเวท อีกมาก.....
เมื่อเดินทางถึงบ้านเกิด ได้จำพรรษาที่บางแซะ ที่กำลังทรุดโทรม ไม่มีพระจำพรรษา ท่านจึงเริ่มบูรณะ โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้าน ทำให้วัดกลับมามีความเจริญมั่นคง มีพระมาอยู่จำพรรษาเพิ่มขึ้น มีบุตรหลานชาวบ้านมาบวชเรียนเป็นศิษย์มากมาย.....
...
พอว่าง ท่านก็จะสร้าง พระปิดตา แบบพิมพ์ประกบ เนื้อผงคลุกรัก บรรจุกระดาษสา ลงอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกแจกศิษย์ผู้ทำบุญพัฒนาวัด.....
ราวปี พ.ศ.๒๔๘๐ ท่านได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ จึงสร้าง พระเนื้อผงคลุกรัก ออกให้ทำบุญบูชาหารายได้สร้างพระอุโบสถ.....
โดยมีพิมพ์พระหลายแบบ คือ พระปิดตาพิมพ์ประกบมีหู พระปิดตาพิมพ์ประกบ ไม่มีหู พระปิดตา กลีบบัวสองหน้า (ด้านหนึ่งเป็นพระปิดตา อีกด้านเป็นรูปจำลองท่าน) พระปิดตาพิมพ์ปั้นลอยองค์ พระปิดตาสามเหลี่ยมหน้าเดียว และพระปิดตากลีบบัวหลังนางกวัก.....
ส่วนใหญ่มีรอยจารอักขระเลขยันต์ อีกส่วนเป็นพระบรรจุกระดาษสาลงอักขระเลขยันต์ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยอึ๊ง ก๊อก เซ็ง เป็นพระพิมพ์ประกบมีหู สีเนื้อโทนน้ำตาล ไม่มีลายมือลงอักขระเลขยันต์ แต่ชัดเจนด้วยพิมพ์ทรง และร่องรอยเซาะแต่ง ซึ่งเป็นจุดพิจารณา สำคัญ.....
ผู้รู้บางท่านให้ความเห็นว่า พระที่ไม่มีอักขระเลขยันต์ น่าจะเป็นพระที่ท่านสร้างยุคแรก แบบสร้างไปแจกไป .....
ปัจจุบันความนิยมเล่นหาพระที่มีลายมือจารอักขระเลขยันต์ จะมีมากกว่า ราคาแพงกว่า--แต่ถ้าเป็นพระพิมพ์นิยมสุด และแท้ดูง่าย สภาพสวยสมบูรณ์ ถึงจะไม่มีรอยลายมือจารอักขระเลขยันต์ ราคาค่าความนิยมก็ยังสูงถึง หลักล้าน เหมือนกัน .....
ต่อด้วย พระพิมพ์ไก่ หางห้าเส้น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา.....
ในสกุลพระพิมพ์ทรงสัตว์ หลวงพ่อปาน ซึ่งมีพิมพ์พระมาตรฐาน ๖ แบบ คือ ไก่ ครุฑ หนุมาน เม่น ปลา นก จัดว่า พระพิมพ์ไก่ ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ ๑.....
...
ซึ่งก็มีแม่พิมพ์แยกย่อยให้เล่นหา ราคาไล่เรียงจากหลักหมื่นถึงหลักแสน คือ พิมพ์ไก่หางพวง พิมพ์ไก่หาง ห้าเส้น หางสี่เส้น หางสามเส้น ไก่ต๊อก ไก่แจ้ ไก่เบรค.....
แต่ละพิมพ์ก็เชื่อกันว่ามีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกัน แล้วแต่ผู้สนใจแสวงหาจะศรัทธา ที่สำคัญแนะนำให้เลือกเล่นพระแท้ดูง่ายๆองค์งามๆที่ผงอุดบรรจุในรูขอบด้านบน มีอยู่ครบสมบูรณ์แบบเดิมๆ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยโจ๊ก ลำพูน เพราะโบราณเชื่อกันว่าอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ของพระนี้ อยู่ที่ ผงพุทธคุณ ที่บรรจุอยู่ คือ ผงพุทธคุณเกราะเพชรพระพุทธ เจ้า ที่ หลวงพ่อปาน ท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้สำเร็จในวิชานี้--แต่น่าเสียดายว่าท่านไม่มีศิษย์สืบทอดไว้เลย.....
ตามมาด้วย พระตรีกายหรือพระสาม ชินเนื้อตะกั่ว หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี พระปฐมาจารย์ของสุพรรณบุรี.....
มีบันทึกว่าเมื่อท่านอุปสมบทแล้ว ได้เดินทางไปเรียนพระธรรมวินัย ศึกษาคัมภีร์มูลกัจจายน์ ที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ โดยได้จำพรรษาที่วัดระฆังฯ.....
พออายุราว ๔๐ ปี จึงกลับเมืองสุพรรณไปอยู่จำพรรษาที่วัดน้อย มีชื่อเสียงเลื่องลือ เพราะเชี่ยวชาญวิปัสสนาธุระ ทรงอภิญญา รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า พระลูกวัดทำผิดพระวินัย ท่านรู้ได้เอง โดยไม่ต้องมีใครรายงาน ร่ำลือเรื่องอัศจรรย์ ที่ท่านแสดงออกให้สาธุชนไม่จบสิ้น รวมทั้งตอนมรณภาพ ท่านดับขันธ์ในท่านอนตะแคงแบบพระพุทธรูปปางไสยาสน์.....
พระ เครื่องส่วนใหญ่สร้างด้วย เนื้อตะกั่ว ผสมปรอท ถอดพิมพ์จากพระกรุพระเก่าที่มีชื่อเสียงของเมืองสุพรรณ ปัจจุบันพระเครื่องของท่านมีอายุกว่าศตวรรษ หลายแบบพิมพ์ อย่างพิมพ์งบน้ำอ้อย ราคาสูงถึงหลักแสน พิมพ์อื่นๆได้รับความนิยมในราคาหลักหมื่น อย่างองค์นี้ของ เสี่ยเบิ้ล ท่าพระจันทร์ ราคาเบาๆแค่หลักหมื่นต้นๆ เพราะเป็นพิมพ์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่รับประกันว่า อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ คุ้มค่า ที่สำคัญมีน้อย หายากสุดๆ.....
...
ต่อไปคือ พระกริ่งชินบัญชร พ.ศ.๒๕๑๗ เนื้อนวโลหะ ก้นทองแดง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย ระยอง.....
รุ่นนี้ คณะศิษย์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้าง และประกอบพิธีเททองหล่อองค์พระแบบโบราณ ที่ลานพิธีวัด เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๗ ด้วยแผ่นยันต์ชินบัญชร แผ่นยันต์ นะ ๑๐๘--พระมี ๔ แบบพิมพ์ คือ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระสังกัจจายน์ และพระปิดตา.....
เฉพาะ พระกริ่ง ชินบัญชร ที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมสูงสุด มีสร้างไว้ด้วยเนื้อโลหะหลายชนิด คือ เนื้อทองคำ ๑๓ องค์ เนื้อบรมพุทโธ ๙ องค์ เนื้อนวกะไหล่ทอง ๙ องค์ เนื้อนวะ ก้นทองคำ ๑๖ องค์ เนื้อนวะบรรจุผงพรายกุมาร ๑๐๔ องค์ เนื้อนวะก้นเงิน ๓๙๐ องค์ (ไม่ตอกหมายเลข ๑๙๕ องค์ ตอกเลข ๑๙๕ องค์).....
และเนื้อนวโลหะก้นทองแดง แบบองค์นี้ของ เสี่ยไพรัตน์ สวนแก้ว พ่อค้าส้มรายใหญ่ตลาดไท ซึ่งเป็น ๑ ใน ๒,๕๙๕ องค์ ทุกองค์ตอกหมายเลขลำดับ ใต้ฐานตอกโค้ดเม็ดงานะรัศมี ที่กลางฐานด้านหลัง ปัจจุบันราคาสูงเทียบชั้นพระกริ่งยอดนิยมยุคเก่า ที่หลักแสนกลาง.....
สวัสดีลาด้วยเรื่องปิดท้ายของ เสี่ยชาตรี เจ้าของอพาร์ตเมนต์ ในสมุทรปราการ ซึ่งกำลังอินเลิฟกับสาวใหญ่ เจ้าของร้านเสริมสวย ที่อยู่ใกล้กัน.....
เสี่ยชาตรี ก็ซื้อของขวัญของฝากไปให้ไม่ขาดระยะ ถึงวันเกิดสาวใหญ่ เสี่ยชาตรี ก็ตั้งใจจะทุ่มทุนซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ไปเซอร์ไพรส์ กะซื้อใจกันเลย.....
เพราะตัวเองชอบพระเครื่อง จึงไปเช่า พระนางพญา พิมพ์เทวดา พร้อมใส่ตลับทองฝังเพชร ใส่กล่องกำมะหยี่อย่างหรู ถือไปให้ในงานวันเกิดที่จัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนสนิท.....
พอเปิดกล่อง เห็นเป็นพระในตลับทองฝังเพชร เพื่อนๆของสาวก็ส่งเสียงกี๊บก๊าบฮือฮากันลั่น เสี่ยชาตรี ก็หน้าบาน คุยโอ่ว่า องค์นี้เป็นพระนางพญา ที่ตั้งใจ หาเช่ามาเป็นของขวัญวันเกิดให้โดยเฉพาะ เพราะเป็นคนสวยสง่า เหมาะใช้เป็นพระคู่ตัว .....
ทุกคนก็ชื่นชมในความใจถึง แต่เจ้าของวันเกิดดูจะไม่ดีใจเท่าไร เสี่ยชาตรี ที่สังเกตเห็นจึงถามว่าของขวัญไม่ถูกใจหรือ สาวก็ตอบว่า ถูกใจ แต่ไม่โดนใจ เพราะราคาขนาดนี้อยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมมากกว่า.....
เสี่ยชาตรี อยากเอาใจ ก็บอกว่างั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเอาพระไปขายคืน เอาเงินมาซื้อกระเป๋าให้ แต่สาวบอกว่าไม่ต้องเอาไปขายคืนหรอก เพราะพระก็อยากใช้ แต่กระเป๋าก็อยากได้ เสี่ยชาตรี ฟังแล้วเกาหัว บอก ok แล้วจะซื้อกระเป๋าให้.....
สาวก็ดีใจ รีบอ้อนถามเมื่อไหร่ ให้วันนี้เลยได้ไหม แล้วหน้างอ เพราะ เสี่ยชาตรี ตอบว่า รอให้ถึงวันนี้ปีหน้าก็แล้วกัน--เพราะลงทุนซื้อพระไปตั้งสามแสนแล้วเจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง