สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจ และเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะเคยมีประสบการณ์ในการขับรถผ่านถนน ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังซ่อมบำรุง หรือทำถนนใหม่ หรือวางท่อระบายน้ำ บางครั้งผู้รับเหมาไม่ได้ติดป้ายเตือน หรือติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอันตราย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่สัญจรไปมาได้รับอันตราย หรือป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ วันนี้จึงขอนำตัวอย่างคดีที่ศาลปกครองสูงสุดได้โปรดมีคำวินิจฉัยให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ชำระเงินค่าเสียหายในการซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ซึ่งประสบอุบัติเหตุขับตกถนน ซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงดังกล่าว

คดีนี้ เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับรถยนต์ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวนั้นถนนทรุด และอยู่ระหว่างการวางท่อระบายน้ำ ทำให้รถยนต์ตกลงไปในหลุมนั้น แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบค่าเสียหาย ผู้เสียหายจึงยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ในการซ่อมบำรุงถนน รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถที่สัญจรไปมาด้วย เพื่อให้รับผิดชอบชำระเงินค่าเสียหายจากการซ่อมรถยนต์ดังกล่าว

องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังกำนันและผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้แจ้งประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้น ทราบว่าได้มีการซ่อมบำรุงถนนอยู่ เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับอันตรายจากถนนทรุด ซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง อีกทั้ง ได้ใช้ไม้ไผ่และถุงพลาสติกปักไว้เป็นจุดสังเกตแล้ว

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีหนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้ใหญ่บ้านและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ห้ามรถยนต์ใช้เส้นทางดังกล่าวและเฝ้าระวังสอดส่องดูแล โดยหากปริมาณน้ำลดลงแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีจะเข้าดำเนินการแก้ไขพร้อมทั้งมีหนังสือขออนุมัติจัดซื้อแผงกั้นจราจรที่เป็นมาตรฐาน แต่ในระหว่างที่รอแผงกั้นก็ได้นำไม้ไผ่และถุงพลาสติกปักไว้เป็นจุดสังเกตในบริเวณที่เกิดเหตุไปก่อนนั้น ถือว่าผู้ถูกฟ้องคดียังมิได้จัดให้มีการปิดประกาศแจ้งเตือนและจัดทำแผนการเตือนอันตรายที่แข็งแรงมั่นคง เพื่อให้ผู้ใช้รถรู้สภาพถนนที่ ชำรุดลำพังแต่เพียงประกาศผ่านเสียงตามสายภายในหมู่บ้านและการปักไม้ไผ่ที่ผูกถุงพลาสติกในบริเวณที่เกิดเหตุ ยังไม่ถือเป็นการเตือนภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเพียงพอ เพราะบางคนก็อาจไม่ได้ยิน หรือไม่ได้รับทราบผ่านทางเสียงตามสาย

...

กรณีจึงเป็นการละเลยไม่ดำเนินการปิดทางบริเวณที่ชำรุดมิให้มีการสัญจรผ่าน เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดอันเป็นการละเลยต่อหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยและเป็นการดำเนินการไม่พอสมควรแก่การป้องกันเหตุ รวมทั้งละเลยต่อหน้าที่ในการซ่อมบำรุงท่อระบายน้ำและถนนสายดังกล่าว จึงเป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้อง อ้างอิงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.622/2558

จากคำพิพากษาฉบับนี้ ผมหวังว่าต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือผู้ที่มีหน้าที่ซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาถนน จะเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ราษฎรจะต้องเกิดความเดือดร้อน และได้รับความเสียหายจากการละเลยหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมล์มาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK