นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้มาแจ้งครอบครองกัญชาแล้วเกือบ 10,000 ราย ซึ่งสามารถแจ้งได้ถึงวันที่ 21 พ.ค. และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาแจ้งครอบครองฯได้ทันเวลาที่กำหนด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงมีนโยบายให้ อย.และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พิจารณาเพิ่มเวลาการรับแจ้งครอบครองฯ ในวัน 18-19 พ.ค. และเพิ่มสถานที่การรับแจ้งด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ต้องการมาแจ้งครอบครอง ในการจดแจ้งนั้นขอให้เตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อม ได้แก่ บัตรประชาชน เอกสารแจ้งการมีกัญชา เอกสารรับรองอาการเจ็บป่วยจากแพทย์ และนำกัญชาที่ใช้ในการรักษาไปด้วย หากมีปริมาณมาก สามารถใช้รูปถ่ายได้ หากกลุ่มผู้ป่วยมีจำนวนมาก สามารถติดต่อหรือโทรศัพท์ประสานกับ อย. หรือ สสจ. เพื่อแจ้งชื่อ นามสกุล กำหนดวัน เวลานัดที่จะเดินทางไปแจ้งการครอบครองได้
โดยกรอกแบบการแจ้งครอบครองฯเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว และนำยากัญชาหรือน้ำมันสกัดกัญชาที่ใช้ในการรักษาโรคพร้อมเอกสารต่างๆไปแจ้งครอบครองตามที่ได้มีการนัดหมายไว้ แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้สารสกัดกัญชารักษาโรคมาก่อนก็ไม่จำเป็นต้องรีบหาผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อมาแจ้งครอบครองเพราะการใช้สารสกัดกัญชาในการรักษาอาการใดๆก็ตาม ควรได้รับการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนจากแพทย์เพราะอาจได้รับอันตรายได้ และขณะนี้มีหลายหน่วยงานกำลังวิจัยเพื่อผลิตสารสกัดจากกัญชาที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยจากการใช้ยามากขึ้น
นพ.ธเรศกล่าวต่อว่า ขณะนี้ อย.พบว่ามีการแชร์เรื่องการปลูกกัญชาในสื่อออนไลน์ และระบุว่าให้ประชาชนสามารถขอปลูกกัญชาได้ หรือกล่าวถึงโรคต่างๆแล้วให้นำใบรับรองแพทย์ไปขอปลูกกัญชาเพื่อรักษาโรคนั้น อย.ขอย้ำว่า การรับแจ้งที่ อย. หรือ สสจ. เป็นการแจ้งครอบครองกัญชา เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ หรือใช้รักษาโรคเท่านั้น ไม่ใช่การอนุญาตให้ปลูกกัญชาแต่อย่างใด และขอย้ำว่าเกษตรกรรายย่อยไม่สามารถปลูกกัญชาได้ ต้องเป็นเกษตรกรที่รวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตรซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมาย และร่วมกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น.
...