ว่ากันโดยศิลปะ พิมพ์พระนางพญา วัดนางพญา พิษณุโลกทุกพิมพ์ อยู่ในสมัยอยุธยา ข้อถกเถียงมีเพียงว่า เป็นศิลปะอยุธยาสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หรือสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งหลังต่อมาอีกกว่าร้อยปี
ผู้รู้แห่งวงการพระเครื่อง ลิ้ม กรุงไทย เขียนไว้ในหนังสือสุดยอดพระเบญจภาคี ของ กิติ ธรรมจรัส อ้างการคัดลอกจากแผ่นจารึกลานทอง ของพระครูอนุโยค วัดราชบูรณะ ว่าพระนางพญาสร้างในสมัยพระมหาธรรมราชา
แต่ความเก่าของเนื้อดิน ประกอบกับศิลปะ ลิ้ม กรุงไทย เชื่อว่า ถึงยุคต้นสมัยอยุธยา สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งประทับอยู่พิษณุโลกนานที่สุด ระหว่าง พ.ศ.2007 ถึง 2025
พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ทรงสร้างพระปรางค์ต้นสมัยอยุธยา ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ และได้บูรณะพระสถูปเจดีย์ใหญ่ ฐานคล้ายเจดีย์มอญ ที่วัดราชบูรณะ ซึ่งอยู่ติดกัน
พระสถูปเจดีย์องค์นี้ยังปรากฏเป็นศรีสง่าอยู่ริมแม่น้ำน่าน จนบัดนี้เชื่อกันว่า วัดราชบูรณะที่มีถนนตัดผ่านคั่นกลางกับวัดนางพญา เดิมเป็นเขตอุปจารเดียวกัน พูดง่ายๆเดิมเป็นวัดเดียวกัน
การพบพระพิมพ์สามเหลี่ยม ที่เรียกชื่อ “นางพญา” ไม่ระบุว่า ชื่อวัดนางพญาได้มาจาก การพบพระพิมพ์ ก่อนปี พ.ศ.2444 ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จทอด พระเนตรการหล่อพระพุทธชินราชจำลอง...
หรือไม่
หรือว่า ชื่อวัดนางพญา เรียกกันมาก่อน เมื่อพบพระเครื่องจมอยู่ใต้ดิน ชาวบ้านขุดค้นกันคนละมากๆ แล้วก็เอาใส่พานทูลเกล้าฯถวาย ร.5 จึงอยากสรุปว่า ปีที่ ร.5 เสด็จนั้น จึงเรียกชื่อพระนางพญาตามชื่อวัด
ประกอบกับพิมพ์พระขนาดเล็กกะทัดรัด รูปทรงสัณฐานสามเหลี่ยม สัดส่วน 2 คูณ 3 งดงามตามศิลปะกรีก
เหมาะสำหรับผู้หญิงใช้ติดตัว ทั้งศิลปะองค์พระ ทั้งชื่อพระนางพญา ก็เข้าโฉลกเจือสมกันเข้าไป
...
พระนางพญา วัดนางพญา พิษณุโลก แม้เป็นศิลปะสมัยอยุธยา แต่เนื่องจากเป็นต้นแบบพระพิมพ์สามเหลี่ยม...พระพิมพ์แบบคล้ายๆกันในยุคสมัยก่อนๆ ไม่ว่ากำแพงเพชร สุโขทัย ก็เรียก “นางพญา” ตาม
เสน่ห์ของพระเครื่องโบราณ อยู่ที่พื้นฐานประวัติ และยุคสมัย เมื่อสมมติหมายชื่อกันมั่นเหมาะดีแล้ว ความเชื่อเรื่องความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ก็มีตามมา
ความเชื่อของผู้รู้เรื่องพระเครื่องรุ่นตำนาน (ราว พ.ศ.2500) เชื่อกันว่า พระสมเด็จวัดระฆัง มีห้ารังสี หมายความว่า มีพุทธคุณขลังครอบจักรวาล พระนางพญามีรังสีสาม คงกระพัน ลาภผลและเสน่ห์มหานิยม
ในความเชื่อด้านเสน่ห์ คุณเชียร ธีรศานต์ เคยบอกว่า ถ้ามีพระนางพญาอย่าให้เมีย เพราะไม่ช้าจะเสียเมีย
พระนางพญาองค์ในคอลัมน์วันนี้ เป็นพิมพ์เข่าตรงพิมพ์ใหญ่ ที่มีจุดแตกต่างตรง “พุงป่อง” กว่า เข่าตรงพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ที่สอง ที่เรียกเข่าตรงมือตกเข่า
แม้ตรงพุงบางองค์จะไม่ต่างกันนัก แต่จุดต่างชัดเจน เข่าตรงพิมพ์ใหญ่ เส้นขอบจีวร เป็นเส้นเล็กเรียวอ่อนช้อย เข้าหาต้นแขนขวา ส่วนเข่าตรงมือตกเข่า เส้นของจีวรเป็นเส้นใหญ่ เป็นเส้นตรงแข็งทื่อ
ถ้าได้ดูภาพสีในไทยรัฐออนไลน์ ก็จะเห็นว่า เนื้อนางพญาเข่าตรงพิมพ์ใหญ่องค์นี้ ละเอียดนุ่มนวล เม็ดแร่จมใต้ผิว ด้านหน้าวรรณะ หรือสีออกทางเหลืองอมเทา
ส่วนด้านหลัง เนื้อผสมกันสามสี พื้นส่วนใหญ่เหลืองอมแดง สลับดำ เข้าหลักคุณเชียร ธีรศานต์ ส่องดูเนื้อนางพญาให้ดีๆ จะเห็นเนื้อเป็นลายผสมสามสี
ทุกสีที่เห็นในเนื้อ เกิดจากความร้อน เนื้อส่วนที่ถูกความร้อนมากที่สุดก็สีเขียวถูกไฟพอดีๆก็เป็นสีแดง ถูกน้อยก็เหลืองอ่อน ส่วนที่ถูกไฟน้อยหรือไม่ถูกไฟก็เป็นสีดำ
องค์ไหนที่ถูกไฟอ่อน เนื้อออกสีเทาๆ ผู้รู้รุ่นเก่าเรียก “เนื้อผ่าน” เนื้อนี้ เจอเมื่อไหร่ ถ้าพิมพ์ดี ผิวพรรณ หลักฐานคราบดินดูดี ก็ตีว่าแท้ได้เลย.
พลายชุมพล