ในหนังสืออมตะพระกรุ ต้อย เมืองนนท์ เริ่มต้นเรื่อง พระร่วงหลังรางปืน ว่า แตกกรุจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองศรีสัชนาลัย (เชลียง เชียงชื่น สวรรคโลก) บริเวณหน้าพระปรางค์องค์ใหญ่ เมื่อราวๆ 60 ปีที่แล้ว มีจำนวนไม่เกิน 200 องค์
พระสภาพดี มีราวๆ 100 องค์ เพราะกว่าครึ่งชำรุด
สถานที่พบพระคือเมืองศรีสัชนาลัย เคยเป็นเมืองขึ้นของขอม ว่ากันโดยศิลปะ เป็นขอมสมัยบายน อายุกว่า 800 ปี ต้อย บอกว่า พุทธลักษณะเป็นพระยืนประทานพรอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ยอดซุ้มเป็นลายกนก แบบซุ้มกระจัง ด้านหลังองค์พระ มีร่องกดลึกลงไป เป็นร่องยาวตามองค์พระ จึงเป็นที่มาของคำเรียก พระร่วงหลังรางปืน
เนื้อพระเป็นตะกั่วส่วนใหญ่ เนื้อชินมีน้อยมาก เนื้อดินไม่พบเลย
ผิวพระบางองค์สีแดงเข้ม บางองค์สีลูกหว้า มีไขขาวแซมหนากว่าพระร่วงกรุอื่นๆ
พระร่วงกรุนี้ แม้มีจำนวนน้อย แต่ก็แยกได้ถึงห้าพิมพ์ พิมพ์ใหญ่ฐานสูง พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย พิมพ์แก้มปะ พิมพ์หน้าหนุ่ม พิมพ์เล็ก
ขนาดพิมพ์ใหญ่โดยทั่วไป สูงราว 8 ซม.กว้างราว 2.5 ซม.
พระร่วงรางปืน ศิลปะสง่าผึ่งผาย ทั้งชื่อทั้งรูปลักษณ์ ต้องตาต้องใจนักนิยมพระรุ่นเก่า มาถึงรุ่นใหม่ พระแท้สภาพสมบูรณ์ ราคาจึงแพงที่สุด เมื่อเทียบกับพระชุดเดียวกัน
แน่นอน ของแท้มีน้อยราคาแพง ของปลอม หลายต่อหลายฝีมือ จึงมีออกลองตา คนดูพระร่วงรางปืนแท้ก็น้อยลง คนรักพระรุ่นใหม่
จะหาองค์ครูส่องดูด้วยตาก็หายาก
ดูภาพพระร่วงหลังรางปืนองค์ในคอลัมน์ ถือว่าเป็นองค์หน้าใหม่
พิมพ์ด้านหน้าติดรายละเอียดทุกช่อชั้น ส่วนที่นูนสูง สีสนิมแดงเข้มเหมือนลูกหว้า ฉ่ำซึ้งตามธรรมชาติ ลึกลงไปในพื้นผนัง ไขขาวขุ่นยังเห็นเป็นเค้า องค์พระสนิมแดง ตัดพื้นผนังเป็นฉากหลังสีขาว ช่วยขับองค์พระให้นูนเด่น
...
ส่วนกลางของผ้านุ่ง มีรอยแตกเหมือนใยแมงมุม...ยืนยันผิวสนิมแดงเก่าแท้...นี่ก็ตัวช่วยสำคัญ ที่ผิวพระปลอมยังตามไม่ทัน
ด้านหลัง...ร่องรางปืนลึก จุดที่เรียก“บากปืน” ก็ชัด เทียบองค์ครูได้หลายๆองค์ รวมเส้นวิ่งตรงขนานไปตามความยาวของรางปืน...ก็มีให้เห็นพอดีๆ ทั้งในร่องรางปืน และผิวพื้นหลัง
เส้นที่ว่านี้ ถ้าเน้นเกินพอดีๆ ก็กลายเป็นของปลอมฝีมือหนึ่ง
ว่ากันโดยศักดิ์ศรี พระหนึ่งในยอดขุนพล หาของแท้ดูได้น้อยมาก โอกาสของคนรักพระ พอเทียบเคียงเพื่อศึกษาได้ จากภาพหนังสือพระเครื่องมาตรฐานวงการ...ซึ่งนานๆทีจะได้เห็น
นอกจาก “อมตะพระกรุ” ของต้อยเมืองนนท์ นิตยสารสปิริตของสีกาอ่าง ก็เคยรวมหลายๆองค์ไว้เล่มหนึ่ง
มีหนังสือในมือ ดูมากๆ ดูจนคุ้นตา... ผ่านตาของปลอม ฝีมือก็ส่องไว้ แยกให้ได้องค์ไหนสนิมแดงเก๊ องค์ไหนสนิมแดงแท้ โอกาสพระแท้มาถึงมือ พลาดไปก็เสียดายไปนาน
เท่าที่เล่าลือกัน ตอนพระร่วงหลังรางปืนแตกกรุออกมาใหม่...ว่ากันว่าจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เจ้าของประโยคอมตะ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว...” เคยห้อยไว้ในคอ
หน้าแรกของหนังสือพระเครื่องเมืองสุโขทัย ที่ชมรมอนุรักษ์พระเครื่องพระบูชา จังหวัดสุโขทัยจัดพิมพ์ มีภาพนายเกษม พานิชกิจ ราษฎรชาวสุโขทัย ทูลเกล้าฯถวาย พระร่วงหลังรางปืน แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่วัดพระปรางค์ จังหวัดสุโขทัย เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2501
พระร่วงหลังรางปืน ถูกเทิดทูนให้เป็นพระเครื่องมีค่า ที่ชาวศรีสัชนาลัย ทูลเกล้าฯถวาย ด้วยความภูมิใจ เป็นเกียรติ ประวัติของจังหวัดสุโขทัย...ชาวสุโขทัยไม่เคยลืม.
O พลายชุมพล O