เสียงตอบรับกลับมาถล่มทลาย ภายหลังได้ทำการเปิดเรื่องราวของโรงเรียนที่ผลิตเจ้าสัว และคนเก่ง มหาเศรษฐีระดับโลกในรั้ว "โรงเรียนเผยอิง" ของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยกลายเป็นที่รู้จักของนานาชาติ ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ นำเสนออีก 1 โรงเรียนเก่าแก่ซึ่งในบรรดาศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันที่มีถึง 50,000 คน ประสบความสำเร็จในด้านการเมือง วิชาการ ธุรกิจ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 2 คน องคมนตรี 15 คน และนายกรัฐมนตรี 4 คน รวมไปถึงเศรษฐีที่รวยที่สุดในไทย มีทรัพย์สมบัติติดอันดับโลกอีกด้วย
- เปิด "ถิ่นเจ้าสัว" รั้วโรงเรียนเผยอิง ผลิต "มหาเศรษฐี" มากที่สุดในชาติไทย
โรงเรียนชายล้วนขนาดใหญ่ ในกลุ่มจตุรมิตร
โรงเรียนอัสสัมชัญ (อัสสัมชัญบางรัก หรือ อัสสัมชัญกรุงเทพ) ชื่อย่อ อสช. เป็นโรงเรียนเอกชนชายล้วนขนาดใหญ่ในกลุ่มจตุรมิตร ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, โรงเรียนเทพศิรินทร์, โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ แผนกประถม ซึ่งตั้งอยู่ในซอยเซนต์หลุยส์ 3 ถนนสาทรใต้ และแผนกมัธยม ซึ่งตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 40 ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก
โรงเรียนอัสสัมชัญ ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการขึ้นโดยบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 ที่ใช้เรือนไม้ขนาดเล็ก เป็นที่สอนหนังสือแก่เด็กยากจน และกำพร้า จนเมื่อมีนักเรียนเข้าศึกษาเพิ่มมากขึ้น บาทหลวงกอลมเบต์จึงได้ขอเรี่ยไรเงินบริจาคเพื่อสร้างอาคารเรียนถาวรซึ่งก็คือ "ตึกเก่า" ขึ้นเป็นหลังแรกของโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2444 โรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นโรงเรียนแห่งแรกในเครือคณะภราดาเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์หลุยส์ และโรงเรียนที่ใช้คำนำหน้าว่า "อัสสัมชัญ" ด้วยกัน 11 แห่ง และมหาวิทยาลัย 1 แห่ง
...
โรงเรียนชายที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ
จากชื่อ "โรงเรียนอาซมซาน กอเล็ศ" ซึ่งแปลมาจากภาษาฝรั่งเศสของคำว่า "Le Collège de l'Assomption" จนในปี พ.ศ. 2453 ภราดาฮีแลร์จึงได้แจ้งไปทางกรมการศึกษาเพื่อขอเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนอาศรมชัญ" แต่พระยาวิสุทธิสุริยศักดิ์ อธิบดีกรมศึกษาขณะนั้น แนะนำว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนอัสสัมชัญ" ซึ่งกลายเป็นชื่อที่ใช้มาจวบจนถึงทุกวันนี้ โรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นผู้บุกเบิกการแปรอักษรที่นำเข้ามาใช้ในการทำเชียร์ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวคิดของมาสเตอร์เฉิด สุดารา จนในเวลาต่อมา ก็ได้มีการเผยแพร่ไปสู่การแปรอักษรทั้งในงานจตุรมิตรสามัคคี และงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
ปัจจุบันโรงเรียนมีอายุ 134 ปี เป็นโรงเรียนชายที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และเป็นโรงเรียนโรมันคาทอลิกแห่งแรกของประเทศ มีศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันรวมแล้วกว่า 5 หมื่นคน ซึ่งคนที่จบจากโรงเรียนอัสสัมชัญจะใช้คำว่า "อัสสัมชนิก"
ตราโล่ คือ เครื่องป้องกันศัสตราวุธทั้งปวง มีลักษณะเป็นโล่ พื้นสีแดงคาดสีขาวตรงกลาง มีตัวอักษร AC สีน้ำเงินไขว้กันอยู่กลางโล่ และตัวเลข 1885 คือปีคริสต์ศักราชที่บาทหลวงเอมิล กอลมเบต์ ก่อตั้งโรงเรียน นอกจากนี้ สีที่ปรากฏบนโล่ยังเตือนใจให้รำลึกถึงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 4 x 6 ส่วน มีสีพื้นแบ่งเป็น สามแถบเท่ากันตามแนวนอน เป็นสีประจำโรงเรียน โดยสีแดงอยู่แถบบนและล่าง มีสีขาวอยู่แถบกลาง และมีตัวอักษร AC สีน้ำเงินไขว้อยู่กลางผืนธง
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน กิจกรรมทางศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก
โรงเรียนอัสสัมชัญได้จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาโดยยึดตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 และพุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรแกนกลาง และสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 นอกจากนี้โรงเรียนอัสสัมชัญกำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วยการประเมินคุณภาพภายใน การติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีระบบการประกันคุณภาพภายนอก โดยประกอบด้วย การประเมินคุณภาพภายนอก และการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาการจัดการศึกษา
...
โรงเรียนอัสสัมชัญมีกิจกรรมด้านศาสนาหลายกิจกรรม ซึ่งโดยหลักแล้วเป็นกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก ได้แก่ วจนพิธีกรรม เปิดปีการศึกษา, พิธีมิสซาศุกร์ต้นเดือน, พิธีสมโภชพระวรกาย และพระโลหิตพระคริสตเจ้า, พิธีฉลองศาสนนามท่านผู้อำนวยการ, พิธีวันฉลองนักบุญเปโตร อัครสาวก, วันระลึกถึงการสถาปนานักบุญหลุยส์-มารีย์ กรีญอง เดอ มงฟอร์ต, พิธีบูชามิสซาสมโภชแม่พระ และพิธีเปิดไฟคริสต์มาสและพิธีเสกถ้ำพระกุมาร นอกจากนี้โรงเรียนอัสสัมชัญยังได้ส่งเสริมกิจกรรมทางพุทธศาสนาด้วย เช่น การถวายเทียนจำนำพรรษาและหล่อเทียนพรรษา กิจกรรมฟังธรรมะบรรยายในทุกวันศุกร์ต้นเดือน
ศิษย์เก่าประสบความสำเร็จสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน
ในบรรดาศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันที่มีถึง 50,000 คน โดยมีศิษย์เก่าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 2 คน, องคมนตรี 15 คน และนายกรัฐมนตรี 4 คน มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่ติดอันดับเศรษฐีที่รวยที่สุดในไทยหลายคน เรียกได้ว่า เกือบทุกคณะรัฐมนตรีของไทยจะต้องมีศิษย์เก่าอัสสัมชัญ ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคณะรัฐมนตรีนั้น นับตั้งแต่ คณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 - ปัจจุบัน มีเพียง คณะที่ 39 และ 44 เท่านั้น ที่ไม่มีศิษย์เก่าดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงเรียนอัสสัมชัญก็มีศิษย์เก่าที่เป็นเสรีไทย สายในประเทศ 26 คน, สายอังกฤษ 13 คน และสายอเมริกา 13 คน
ศิษย์เก่าที่เป็นนักการเมืองได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย, พันตรี ควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของไทย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรก, หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของไทย และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนแรก, ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรีคนแรก นายกรัฐมนตรีคนที่ 12 ของไทย, พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน และอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นต้น
...
ศิษย์เก่าที่ดำรงตำแหน่งทางตุลาการ เช่น ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ อดีตประธานศาลฎีกา, สันติ ทักราล อดีตประธานศาลฎีกา, ประมาณ ชันซื่อ อดีตประธานศาลฎีกา อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น
นอกจากนี้ สื่อระดับโลกยังจัดอันดับ "มหาเศรษฐีในไทยประจำปี 2016" ของฟอร์บส์ประเทศไทย โดยเพียง 10 อันดับแรก ก็มีศิษย์เก่าติดอันดับถึง 3 คน หรือถ้านับรวมทายาทในตระกูล ก็จะทำให้มีศิษย์เก่าอัสสัมชัญเข้าไปเกี่ยวข้องถึง 5 อันดับ
ศิษย์เก่าที่เป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูง หรือประกอบอาชีพทางเศรษฐกิจ เช่น วันชัย จิราธิวัฒน์ ประธานบริษัทในเครือเซ็นทรัล, ดร.วัลลภ เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์, ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STECON, ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ, อุเทน เตชะไพบูลย์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ ธนาคารศรีนคร และผู้ก่อตั้ง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
...
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย, ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ฐาปน สิริวัฒนภักดี (AC107) กรรมการและรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
ศิษย์เก่าที่เป็นนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเขียน นักประพันธ์ ที่มีผลต่อสังคมไทย เช่น สุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักเขียน นักคิดคนสำคัญของประเทศไทย มีผลงานพิมพ์รวมเล่มแล้วมากกว่า 200 เล่ม ได้รับรางวัลและการประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ มากมาย เมื่อปี 2538 ได้รับรางวัล Alternative nobel จากรัฐสภาสวีเดน และได้รับรางวัลศรีบูรพา เป็นคนที่ 6 (พ.ศ. 2537) นอกจากนี้ ยังเคยได้เสนอชื่อเข้ารับ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ถึง 2 ครั้ง ฯลฯ
ภาพข้อมูล จาก โรงเรียนอัสสัมชัญ