เมื่อวันที่ 2 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะ เดินทางมาตรวจการเตรียมความพร้อมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่จะจัดให้มีการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่วัดบุพพาราม ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ โดยนายกฯได้ไหว้พระประธาน สักการะรูปปั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กราบนมัสการพระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน เจ้าอาวาสวัดบุพพาราม พร้อมสนทนาธรรม และ ได้สอบถามความเป็นมาของวัด จากนั้นได้เข้าไปยังบ่อน้ำทิพย์ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ชมนิทรรศการบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ โดยมีเจ้าอาวาสอธิบายความเป็นมา ของน้ำศักดิ์สิทธิ์แต่ละแหล่งที่มา
ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเรื่องคนโทน้ำอภิเษกว่า กระทรวงฯจัดทำเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งขันน้ำสาครพร้อมที่ตักน้ำเพื่อใช้ในพิธีพลีกรรมตักน้ำสำหรับทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ซึ่งทุกจังหวัดได้รับคนโทน้ำ และขันน้ำสาครเรียบร้อยแล้ว และได้เตรียมริ้วขบวน เชิญคนโทน้ำอภิเษกและพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ในวันที่ 18-19 เม.ย. ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย วงดุริยางค์ กำลังพล กองอาสารักษาดินแดน จำนวน 500 คน พร้อมด้วย รถเชิญคนโทน้ำอภิเษก และจะมีการซ้อมใหญ่เดินริ้วขบวนจากวัดสุทัศน์ไปยังพระอุโบสถ วัด พระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 11 เม.ย.
อีกด้านที่อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เขตบางกอกน้อย เช้าวันเดียวกัน พล.ร.ท.จงกล มีสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี มาตรวจเยี่ยมการฝึกซ้อมกำลังพลฝีพายประจำเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ที่อู่หมายเลข 1 โดยมี น.ท.ณัฐวัฏ อร่ามเกลื้อ เป็นครูฝึกพนักงานเห่กาพย์เรือ พร้อมกำลังพลกองทัพเรือประจำเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ รวม 64 นาย
...
พล.ร.ท.จงกล มีสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 4-6 พ.ค. เป็นการ นำเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ไปจอดเทียบที่ท่าราชวรดิฐ เพื่อเป็นเครื่องประดับพระบรมราชอิสริยยศตามโบราณราชประเพณี ส่วนวันที่ 5 พ.ค. ที่จะมีริ้วขบวน พระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราทางสถลมารค เสด็จ พระราชดำเนินเลียบพระนครจากพระบรมมหาราชวัง-วัดบวรนิเวศ-วัดราชบพิธ-วัดพระเชตุพน ช่วงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯผ่านท่าราชวรดิฐ กำลังพลประจำเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ จะขึ้นประจำบนเรือ วันที่ 6 พ.ค. ที่เสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ให้ประชาชนเฝ้าถวายพระพร ชัยมงคล กำลังพลประจำเรือจะขึ้นประจำตำแหน่งบนเรือ การฝึกซ้อมขณะนี้ก้าวหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นจะมีการฝึกซ้อมย่อยวันที่ 26 เม.ย. ซ้อมใหญ่เสมือนจริงวันที่ 30 เม.ย.
พล.ร.ท.จงกลกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ 2 ของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคือ การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดขึ้นในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ปลายเดือน ต.ค. กองทัพเรือตระเตรียมฝึกกำลังพล ฝีพายประจำเรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำไว้พร้อมแล้ว ส่วนเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เมื่อเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกช่วงเดือน พ.ค. จะถูกนำ กลับไปเก็บที่พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี ถอดบุษบกเปลี่ยนมาเป็นบัลลังก์กัญญาและจะมีการฝึกซ้อมเรือพระราชพิธีในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.เป็นต้นไป สำหรับกาพย์เห่เรือ ในพระราชพิธี มีการแต่งขึ้นใหม่ 4 บท โดย น.อ. ทองย้อย แสงสินชัย คือ บทสรรเสริญพระบารมี ชมเมือง ชมเรือ บุญกฐิน อยู่ระหว่างเสนอให้กรม ศิลปากรตรวจสอบ ก่อนทูลเกล้าฯขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
ด้าน น.ท.ณัฐวัฏ อร่ามเกลื้อ ครูฝึกกำลังพล ฝีพายและผู้เห่กาพย์เรือ กล่าวว่า การฝึกฝีพายเรือพระราชพิธี เริ่มจากการฝึกวินัยเบื้องต้น ฝึกร้องรับ เป็นลูกคู่ในเรือ การฝึกในเรือที่อยู่บนบกและในน้ำ ความยากอยู่ที่การพายท่านกบิน ที่ต้องยกพายทำมุม 60 องศา และใช้แรงมาก ผู้ทำหน้าที่นี้จึงต้องมีความแข็งแรง ขณะที่ จ.อ.เสฐียร ขาวขำกำลังพลฝีพายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ กล่าวว่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต เพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเป็นครั้งที่ 3 สำหรับพระราชพิธีนี้ ผ่านการฝึกมาแล้ว 8-9 เดือนและฝึกวันละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง