นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากรายงานสถิติสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในปี 2555-2559 พบว่า อัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจยังคงมีความรุนแรงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลการศึกษาของ Thai Registry in Acute Coronary Syndrome (TRACS) พบว่าปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจของคนไทยที่เข้ารับการรักษา คือ ภาวะไขมันในเลือดสูง ร้อยละ 83.2 ภาวะความดันโลหิตสูง ร้อยละ 59.5 เบาหวาน ร้อยละ 50.7 การสูบบุหรี่ ร้อยละ 32.1 และครอบครัวมีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจ ร้อยละ 9.3 จึงเห็นได้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม รวมถึงละเลยต่อการออกกำลังกาย ทำให้ส่งผลต่อสุขภาพและระบบต่างๆของร่างกาย เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
นพ.เอนก กนกศิลป์ รักษาราชการแทน ผอ.สถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า การลดปัจจัยเสี่ยงข้างต้นควรเริ่มจากความตระหนัก และสร้างการรับรู้ถึงการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องในการลดปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวัน เพราะหากป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาด้วยการใช้ยา การรักษาด้วยบอลลูนขยายหลอดเลือด หรือการผ่าตัดต่อเส้นเลือด ซึ่งเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ร่วมกับการออกกำลังกาย จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยง และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสุขภาพหัวใจ ได้แก่ 1.ผักผลไม้สดที่ไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู่ แคนตาลูป 2.ปลา ไก่ (ลอกหนังออก) เนื้อหมู เนื้อวัว ที่ไม่ติดมัน 3.ควบคุมปริมาณอาหารจำพวกแป้งหรืออาหารที่มีไขมันสูง 4.ดื่มนมพร่องมันเนย นมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตที่มีไขมันต่ำ 5.ประกอบอาหารด้วยการต้ม นึ่ง ลวกปิ้ง ย่าง 6.ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ 7.ใช้น้ำตาลเทียมหรือสารความหวานแทนน้ำตาลทราย และที่สำคัญควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 วัน.
...