ขอยืม-ไปชำระค่าโอนอ่อยจ่ายดอก300ล้าน

ป.รวบแก๊งตุ๋นบันลือโลก ลวงเหยื่อ สาวใหญ่โอนเงินเกือบ 600 ครั้ง เป็นเงินกว่า 232 ล้านบาท ทำงานเป็นทีม อ้างตัวเป็นทายาทคนเดียวของแพทย์หญิงที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในพื้นที่ จ.ยะลา รอรับมรดกมูลค่าพันล้านบาท แต่ต้องหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายขอคืนมรดก 235 ล้านบาท หลังเหยื่อหลวมตัวโอนเงินให้ถึงรู้ว่าถูกหลอก กลุ่มผู้ต้องหาสารภาพสิ้นไส้ เอาเงินไปเสพสุขซื้อบ้าน รถหรู และที่ดิน เตรียมไล่ยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดเอาเงินมาคืนแล้ว

รวบแก๊งตุ๋นกว่า 200 ล้านรายนี้ เปิดเผยขึ้นที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 เม.ย. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง รอง ผกก.5 บก.ป. และ พ.ต.ต.ฐิติวัสส์ แซมเขียว สว.กก.5 บก.ป. ร่วมแถลงจับกุม น.ส.สุภิช นิมิตนิวัช อายุ 61 ปี น.ส.ผาณิตา นารถไพรินทร์ อายุ 52 ปี นายชัยชนะ จันทรา อายุ 45 ปี และ น.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.103-106/2562 ลงวันที่ 21 มี.ค.2562 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น จับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านพักใน จ.ราชบุรี จ.นนทบุรี และ จ.สุพรรณบุรี ตามลำดับ

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช เผยว่า เมื่อประมาณปี 2559 น.ส.ปาณิสรา ธนสมานโชค อายุ 59 ปี ผู้เสียหายได้เงินจากการขายที่ดินตามแนวการก่อสร้างรถไฟสายสีม่วงใน จ.นนทบุรี มาหลายร้อยล้านบาท ต่อมามีคนแนะนำให้รู้จัก น.ส.สุภิช นิมิตนิวัช ผู้ต้องหาที่ 1 ที่รู้ข้อมูลเหยื่อ กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันกุเรื่องว่า น.ส.ผาณิตา หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหากำลังจะได้มรดก 1,000 ล้านบาท จากแพทย์หญิงคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากการถูกระเบิดในเหตุการณ์ไม่สงบใน จ.ยะลา มรดกทั้งหมดมี น.ส.ผาณิตา เป็นผู้มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว แต่ไม่มีเงินใช้จ่ายเรื่องขอคืนมรดกจำนวน 235 ล้านบาท

...

“กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 เริ่มเล่นละครฉากใหญ่ให้ น.ส.สุภิช ไปติดต่อขอยืมเงินจากผู้เสียหาย ทำทีว่าตัวเองให้ น.ส.ผาณิตา ยืมเงินไปแล้ว 50 ล้านบาทเป็นค่าดำเนินการขอคืนมรดก แต่ยังขาดอีกจำนวนมาก มาชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมหาเงินไปให้ น.ส.ผาณิตา ยืมจนครบตามจำนวน เมื่อได้เงินมรดกมาแล้วจะให้เงินค่าตอบแทนเป็นเงิน 300 ล้านบาท ไม่รวมกับเงินที่ยืมไป ระหว่างนั้นพยายามเจรจาหว่านล้อมเหยื่อเป็นระยะ” ผบก.ป.กล่าว

พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวด้วยว่า ต่อมาผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อ ให้เงินกลุ่มผู้ต้องหาไปครั้งแรก 5.2 แสนบาท ครั้งที่สองอีก 5.2 แสนบาท กลุ่มผู้ต้องหาตีเช็คเงินสดให้ผู้เสียหายเก็บไว้เป็นหลักประกัน แต่กำชับว่าอย่าเพิ่งนำเช็คไปขึ้นเงิน ทำให้ผู้เสียหายระแวงว่าอาจถูกหลอก สอบถามไปที่ น.ส.สุภิช เพื่อทวงถามความจริง น.ส.สุภิช จึงให้ผู้เสียหายโทรศัพท์ไปหานายชัยชนะ ผู้ต้องหาอีกคนที่อ้างตัวเป็นนายทหารยศพันโท ถ้าไม่เชื่อจะให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลพินัยกรรมโทรศัพท์มาพูดคุยและอธิบายว่า มรดกดังกล่าวมีอยู่จริง

“ก่อนพาผู้เสียหายไปพบ น.ส.มาริษา ผู้ร่วมแก๊งที่เล่นบทเป็นนายทหารหญิงยศร้อยโท เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อละครที่กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันแสดง โอนเงินเพิ่มให้กลุ่มผู้ต้องหาถึง 597 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 232,910,617 บาท ก่อนทราบความจริงภายหลังว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม ก่อนที่กองปราบปรามจะวางแผนจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ยกแก๊ง” พล.ต.ต.จิรภพกล่าว

เบื้องต้นสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายจริง ส่วนเงินทั้งหมดที่ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายมาได้นำมาแบ่งกัน ก่อนนำไปซื้อทรัพย์สิน เช่น รถยนต์หรู บ้าน และที่ดิน ขณะนี้ชุดสืบสวนกองปราบปรามกำลังติดตามทรัพย์สินที่เหลือเพื่อนำมาคืนให้ผู้เสียหาย ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ดำเนินคดีต่อไป