คนในแวดวงตุลาการทำไมต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกวิ่งเต้นโยกย้ายตำรวจ

เมื่อตัวละครที่รับบท “พระเอก” ของเรื่อง มอบอำนาจ ทนายสาวคนหนึ่ง มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี นายกิตติศักดิ์ สิริวิทยาวงศ์ อายุ 32 ปี และ น.ส.ไพลิน วีอูบแก้ว อายุ 29 ปี ที่หลอกลวงทรัพย์สินผู้เสียหาย

สืบเนื่องจากผู้เสียหายที่เป็นคนใหญ่โตของวงตุลาการวัย 60 ปีได้รู้จักสนิทสนม นายกิตติศักดิ์ สิริวิทยาวงศ์ ที่อ้างว่ารู้จักกับ พล.ต.ต. (ในยศขณะนั้น) สุรเชษฐ์ หักพาล นายตำรวจผู้มีชื่อเสียง กระทั่งเมื่อประมาณเดือน ม.ค.2561 มีการแนะนำบัญชีไลน์ที่แสดงตัวเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล

ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมาตลอดว่าเป็นบัญชีไลน์จริง

ต่อมาบัญชีไลน์ดังกล่าว ได้หลอกลวงขอยืมเงินจากผู้เสียหายจำนวน 9 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,520,000 บาท โดยการโอนเงินไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาทั้งสองคน

เมื่อพยายามทวงถามติดตามขอเงินที่ให้ยืมกลับคืนมา กลับถูกผลัดมาตลอด

กระทั่งรู้ความจริงว่าถูกหลอก

เจ้าตัวมอบอำนาจให้ทนายความมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับทั้งสองและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

...

หลังจากติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณลานจอดรถห้างเดอะมอลล์บางแค แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.

ทว่าการแถลงข่าวของ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ ในฐานะรองโฆษก ตร.กลับแจงมาเหมือนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ถึงพฤติกรรมต้มตุ๋นหลอกลวงตำรวจ วิ่งเต้นซื้อเก้าอี้ ตีมูลค่าร่วมล้านกว่าบาท

สวมรอยในบัญชีไลน์ปลอมเป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. หาญกล้าใช้กลเม็ดเด็ด เร่ “ตกเบ็ด” บรรดาเหล่า “ตำรวจตาถั่ว”

แล้วความจริงที่อยู่เบื้องหลังซื้อขายเก้าอี้คืออะไร และเกี่ยวข้อง คนวงการตุลาการ ได้อย่างไร

ไม่มีใครกล้าเปิดปาก???

"สหบาท"