หนังสือ “ราชบุรีในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2” จากการค้นคว้า รวบรวมของพันเอก ดร.สุชาต จันทรวงศ์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย
ตัวอย่างเช่นบทหนึ่งได้กล่าวถึงปัญหาเรื่อง ผู้หญิงปลอบขวัญ ของทหารญี่ปุ่น ไว้ว่า เมื่อญี่ปุ่นไปทำสงครามที่ใด กองทัพญี่ปุ่นจะ จัดให้มี “ผู้หญิงปลอบขวัญ” (Comfort Woman) ในไทยเรียกกันว่า “หญิงหย่อนใจ” บ้าง “นางบำเรอ” บ้าง เพื่อให้บริการทางเพศให้กับ ทหารญี่ปุ่นในแนวหน้าเพื่อการปลอบขวัญทหาร มีการออกกฎให้ทหารญี่ปุ่นใช้ถุงยางอนามัย และจัดให้มีการตรวจโรคอย่างถูกต้อง
วิธีการจัดหาผู้หญิงปลอบขวัญของกองทัพญี่ปุ่นมี 2 วิธีคือ 1.ขอความร่วมมือจากผู้นำและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้จัดหาผู้หญิงชาวพื้นเมืองมาให้บริการแก่ทหารญี่ปุ่น 2.ทหารญี่ปุ่นคัดเลือกผู้หญิงที่ประกอบอาชีพโสเภณีอยู่แล้วมาจากสถานบริการที่เป็นเอกชน โดยเจ้าของสถานบริการเหล่านั้นจะได้รับความคุ้มครองจากตำรวจลับของญี่ปุ่น และตำรวจประจำท้องที่นั้นๆด้วย
จากการค้นคว้าจากเอกสารลับเฉพาะของกองบัญชาการทหารสูงสุดของไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งคำบอกเล่าของ คนท้องถิ่น พบว่าในประเทศไทยนั้น มีคอมฟอร์ตสเตชันอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สงขลา กาญจนบุรี ราชบุรี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช ระนอง ชุมพร แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกองทัพญี่ปุ่น เพราะเป็นจังหวัดชายแดน และสามารถพัฒนาเส้นทางคมนาคมไปยังดินแดนใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี...
ผู้หญิงในคอมฟอร์ตสเตชันในเมืองไทยส่วนใหญ่ เป็นชาวเกาหลี จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ รวมทั้งผู้หญิงไทยเอง พวกเธอถูกส่งตัวไปทั่วประเทศ รวมทั้งถูกส่งไปยังประเทศใกล้เคียงอย่างพม่า เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ ผ่านทางรถยนต์ รถไฟ หรือในบางกรณีคือ การเดินเท้าตามหลังทหาร เช่น มีผู้พบเห็นหญิงชาวเอเชียนับสิบ เดินเท้าจาก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ไปยังกาญจนบุรี ซึ่งเป็นระยะทางกว่าเจ็ดสิบกิโลเมตร
...
ช่วงที่ทหารญี่ปุ่นเข้ามาคนในบ้านโป่งก็มีเศรษฐกิจใหญ่เกิดขึ้น เพราะต้องการมีการขายผ้าและเครื่องใช้ให้กับทหารญี่ปุ่น แต่กลุ่มคนพวกนี้ไม่ค่อยเปิดเผยตัวเท่าไหร่ ทำให้การสืบค้นประวัติศาสตร์ช่วงนั้นขาดหาย เช่นเดียวกับผู้หญิงที่เป็นนางบำเรอให้กับทหาร ซึ่งทหารญี่ปุ่นจับมาจากจีน เกาหลี แต่ก่อนคนในบ้านโป่งเรียกซอยที่ผู้หญิงพวกนี้อาศัยอยู่ว่า “ซอย 10 บาท” เพราะเก็บค่าตัวครั้งละ 10 บาท ที่น่าสนใจคือ ซอยนี้เป็นศูนย์กลางห่างจากเมืองกาญจนบุรี 40 กิโลเมตร และมาวัดดอนตูมที่เป็นค่ายกักกันได้ไม่ไกลนัก ตลอดจนสามารถเดินกลับหนองปลาดุกได้ 7 กิโลเมตร
หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้หญิงเหล่านี้บางส่วนได้กลับประเทศ ขณะที่อีกส่วนยังอยู่ในซอยนี้และทำอาชีพเดิม ต่อมาสถานบริการในซอยนี้หายไปจนปัจจุบันประวัติศาสตร์เหล่านี้ที่บ้านโป่งก็ค่อยๆเลือนราง
ความตอนหนึ่งในช่วงการก่อสร้างที่ยากลำบากของการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่าแล้วเสร็จ มีการบันทึกไว้ว่า ประมาณเดือนตุลาคม พ.ศ.2485 กองทัพญี่ปุ่นจัดให้มีการเฉลิมฉลองความสำเร็จและให้รางวัลแก่ทหารญี่ปุ่นที่ทำงานหนัก กองทัพญี่ปุ่นได้จัดส่งหญิงปลอบขวัญชาวเกาหลีใต้ 6-7 คน โดยทางรถไฟ และหยุดให้บริการทางเพศแก่ทหารญี่ปุ่นตามสถานีต่างๆสถานีละ 1 คืน ที่สถานีมีทหารญี่ปุ่นรอใช้บริการประมาณ 60 นาย
อยากรู้อะไรมากกว่านี้เห็นทีจะต้องเสาะหาหนังสือ ราชบุรีในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอ่านโดยละเอียดกันเองแล้ว.
“ซี.12”