ฟุ้งปี 61 ช่วยชาติประหยัดงบสูงสุดในรอบ 8 ปี ปลื้มทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ กล่าวว่า การเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นของผู้ป่วย เป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่ง สธ. โดยโรงพยาบาลราชวิถี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) วางระบบการเข้าถึงยาและการชดเชยยา ระบบการจัดเก็บข้อมูลคุณภาพด้านยา รวมถึงการจัดให้มีระบบการตรวจสอบการใช้ยาให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาราคาแพงตามความจำเป็น โดยในปีงบประมาณ 2561 เป็นปีแรกของการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ สปสช. ที่มอบให้โรงพยาบาลราชวิถีเป็นแม่ข่ายดำเนินการบริหารจัดการยาและเวชภัณฑ์ฯ เพื่อสนับสนุนแก่หน่วยบริการในระบบบัตรทอง
ปลัด สธ.กล่าวต่อว่า จากข้อมูลการบริการยาและเวชภัณฑ์มีผู้ป่วยเข้าถึงยาจำเป็นในระบบ 32,528 ราย โดยยาราคาแพงหรือยาบัญชี จ. (2) จำนวน 21 รายการดูแลรักษาผู้ป่วย 29 กลุ่มโรค ซึ่งรายการยาบัญชียา จ. (2) ที่ผู้ป่วยเข้าถึงสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.ยาบีวาซิซูแมบ เพื่อรักษาผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวานที่มีจอประสาทตาบวม 2.ยาเลโทรโซล รักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม 3.ยาโบทูลินัม ท็อกซิน ชนิดเอ ในผู้ป่วยกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกครึ่งซีก 4.ยาเพกิเลต อินเตอร์เฟอรอน ในผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี และ 5.ยาโดซีแทคเซล ในผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะลุกลาม มะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนการเข้าถึงยากำพร้าและยาต้านพิษ ปี 2561 มีผู้ป่วยที่เข้าถึงยากำพร้า หรือยาต้านพิษ โดยเข้าถึงเซรุ่มแก้พิษงูกะปะมากที่สุด
...
นพ.สุขุมกล่าวว่า สำหรับภาพรวมการบริหารจัดการด้านยาในระบบบัตรทอง ในส่วนยาบัญชี จ. (2) ในช่วง 9 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2561 สามารถช่วยผู้ป่วยเข้าถึงยา 101,000 ราย ส่วนยากำพร้าและยาต้านพิษ ตลอด 7 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2561 ได้ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงยา 32,098 ราย ขณะที่มูลค่ายาที่ภาครัฐประหยัดงบจากการบริหารจัดการด้านยาตั้งแต่ปี 2553-2560 เป็นจำนวนเงิน 44,430.84 ล้านบาท โดยในปี 2560 ประหยัดได้มากสุด 8,567.48 ล้านบาท และความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้มาจากความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง.