สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ที่รักและคิดถึง ช่วงนี้คุณครูลิลลี่เครียดมากเป็นพิเศษค่ะ ติดตามข่าวสารทุกวันทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ รวมทั้งสื่อออนไลน์ทุกวัน ก็จะพบว่าสถานการณ์ภูมิอากาศบ้านเราโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครเลวร้ายเข้าไปทุกที ก็จะใครล่ะคะ ถ้าไม่ใช่เจ้าฝุ่นตัวปัญหาที่เราได้ยินชื่อเขากันจนชินหูว่า PM 2.5 นั่นแหละค่ะ ตอนแรกเหตุการณ์ผ่านไปหลายคนบอกว่าทำท่าเหมือนจะดีขึ้น แต่ปรากฏว่ายิ่งนานวันยิ่งจะมีค่าเกินมาตรฐานเข้าไปทุกที คุณครูลิลลี่เคยอ่านเจอในข้อเขียนหนึ่ง เขาบอกว่า เจ้าฝุ่น PM 2.5 ที่ว่านี้ มีขนาดเล็กประมาณ 1 ใน 20 ของเส้นผมเราเลยค่ะ เพราะฉะนั้นอำนาจทะลุทะลวงเข้าสู่ร่างกายของเราก็เลยเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และวิธีการป้องกันทางเดียวที่เราจะทำได้อย่างง่ายดายที่สุดเพื่อช่วยให้เราหลีกเลี่ยงจากเจ้าฝุ่นวายร้ายได้ก็คือ การสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งว่ากันว่า หน้ากากแบบที่เราสวมตอนเป็นหวัดหรือไม่สบายก็ไม่ได้นะคะ ต้องหนากว่านั้นได้มาตรฐานกว่านั้นด้วย ช่วงนี้ไปไหนมาไหนเลยมักจะได้ยินคนนำเอาสำนวนไทยมาแซวกันอยู่บ่อย ๆ ว่า เดี๋ยวนี้สวมหน้ากากเข้าหากันตลอดเลยนะ หรือ บ้างก็ว่า อย่ามาใส่หน้ากากกับฉันนะ เป็นต้น ดังนั้นวันนี้คุณครูลิลลี่เลยจะขอหยิบเอาเรื่องราวของหน้ากาก กับ ความหมายแฝงในภาษาไทยมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
...
ถ้าเปิดตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หน้ากาก เป็นคำนาม แปลว่า เครื่องบังใบหน้าทั้งหมดหรือบางส่วน เพราะฉะนั้น หน้ากาก คือ สิ่งที่ใช้ปิดบังใบหน้าเพื่ออำพราง อาจปกปิดบางส่วนเช่นรอบดวงตา เป็นต้น อย่างหน้ากากรูปแว่นประดับกากเพชรสวยงามในงานแฟนซี หรือปิดบังทั้งใบหน้าโดยใช้รูปหน้าคนบ้าง หรือ หน้าสัตว์บ้าง และจากการสวมหน้ากากเพื่ออำพรางหรือปกปิดนี้เอง จึงกลายมาเป็นที่มาของสำนวนไทยที่ว่า สวมหน้ากาก ซึ่งสำนวนนี้จะหมายความว่าแสดงท่าทีหรือกิริยาอาการที่มิได้เกิดจากนิสัยใจจริง เช่น เวลาเข้าไปพบเจ้านาย หรือผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้จะต้องสวมหน้ากากทำเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อย เพื่อให้เจ้านายชื่นชอบ สำนวนนี้ยังมีความหมายว่า การแสดงกิริยาท่าทีลวงหรือหลอกให้เข้าใจผิด เช่น ตลอดเวลาที่คบหาเป็นคนรักกันมา 3 เดือน ผู้ชายคนนี้สวมหน้ากากเป็นคนมีชาติตระกูล มีฐานะร่ำรวย มีการศึกษาที่ดี จนผู้หญิงหลงเชื่อและรักเขาอย่างหมดหัวใจ เป็นต้น
ยังมีสำนวนเกี่ยวกับหน้ากากอีกนะคะ เช่น สำนวนไทยที่ว่า ถอดหน้ากาก ก็จะหมายความว่า การเปิดเผยตัวตน หรือ สถานะที่แท้จริงซึ่งได้ปกปิดอำพรางซ่อนเร้นเอาไว้ เช่น พอได้ตำแหน่งสมใจแล้ว เขาก็ถอดหน้ากากออก แต่ถ้าจะหมายความว่าการทำให้คนใดคนหนึ่งเปิดเผยตัวตน หรือ สถานะที่แท้จริงซึ่งปกปิดอำพรางมาก่อนจนคนรับรู้ทั่วกัน ก็จะเป็นสำนวนว่า “กระชากหน้ากาก” เช่น คอยดูนะ ฉันจะกระชากหน้ากากคนลวงโลกคนนี้ให้ทุกคนในบริษัทได้รู้ความจริงให้หมด
นอกจากนั้นยังมีสุภาษิตว่า “สวมหน้ากากเข้าหากัน” อีก ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุหมายความว่า การแสดงทีท่าหรือกิริยาอาการที่มิได้เกิดจากนิสัยใจจริง แสดงกิริยาท่าทีลวงให้เข้าใจผิด เช่น ต่างคนต่างสวมหน้ากากเข้าหากัน หรือจะบอกว่า ใส่หน้ากาก ก็ได้ค่ะ เช่น ไม่อยากมางานเลี้ยงใหญ่ ๆ แบบนี้เลย คุณหญิงคุณนายเยอะแยะมีแต่คนใส่หน้ากากเข้าหากัน หาความจริงใจไม่ได้สักคน และทั้งหมดก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับหน้ากากในเชิงสำนวนและสุภาษิตไทย ซึ่งทางที่ดีแล้ว อย่าสวมหน้ากาก อย่าใส่หน้ากากเข้าหากัน ให้ต้องมาหาทางกระชากหน้ากากกันเลยนะ จริงใจต่อกัน ซื่อสัตย์ต่อกันไว้ดีกว่า แต่ถ้าสำหรับสุขอนามัยในทุกวันนี้แล้วละก็ ใส่เลยค่ะ สวมเลยค่ะ หนา ๆ แน่น ๆ ยิ่งดี เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเอง ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านปลอดภัยแข็งแรงกันนะคะ สวัสดีค่ะ
instagram : kru_lilly , facebook : ครูลิลลี่
...