สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับอัยการมีคำสั่งฟ้องดาราท่านหนึ่ง ซึ่งตามข่าวอ้างว่ามีการลักลอบใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมาย ผลคดีจะเป็นอย่างไรต้องรอฟังคำตัดสินของศาลอีกครั้ง แต่คดีนี้มีความน่าสนใจที่ควรนำมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อเตือนสติสังคมไม่ให้กระทำการดังกล่าว เนื่องจากอาจจะนำมาซึ่งความเดือดร้อนเสียหายแก่ท่านก็เป็นไปได้

การลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่อาจจะตรวจไม่พบ เนื่องจากประสบปัญหาด้านกำลังพล ไม่สามารถตรวจตราได้ครบถ้วนทุกพื้นที่ แม้กระแสไฟฟ้าจะเป็นวัตถุที่ไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่กระแสไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 ทรัพย์สิน หมายความรวมทั้งทรัพย์และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้

ดังนั้น การลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในข้อหาลักทรัพย์ เทียบเคียง คำพิพากษาฎีกาที่ 887/2501 การลักกระแสไฟฟ้า ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 หรือ 335 แล้วแต่กรณี (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2501)

...

นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการแอบใช้สัญญาณโทรศัพท์ของผู้อื่น ซึ่งก็เป็นวัตถุที่ไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถมองเห็นได้ ลักษณะเดียวกับกระแสไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 ทรัพย์สิน หมายความรวมทั้งทรัพย์และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2542 คำว่า "โทรศัพท์" สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนอธิบายว่า โทรศัพท์เป็นวิธีแปลงเสียงพูดให้เป็นกระแสไฟฟ้าแล้วส่งกระแสไฟฟ้าให้กลับเป็นเสียงพูดอีกครั้งหนึ่ง สัญญาณโทรศัพท์จึงเป็นกระแสไฟฟ้าที่แปลงมาจากเสียงพูดเคลื่อนที่ไปตามสายลวดตัวนำจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง การที่จำเลยลักเอาสัญญาณโทรศัพท์จากตู้โทรศัพท์แห่งประเทศไทย ไปใช้เพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เช่นเดียวกับการลักกระแสไฟฟ้า

จำเลยเป็นนักศึกษา อายุยังน้อย ประกอบกับได้บรรเทาผลร้ายโดยชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายไปแล้ว และเพิ่งกระทำความผิดครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงเห็นควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้ แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำ เห็นสมควรลงโทษปรับด้วย

ปัจจุบันมีการติดตั้งสัญญาณอินเทอร์เน็ตตามบ้าน หรือตามสำนักงาน ออฟฟิศ บริษัท หรือร้านค้าต่างๆ โดยการปล่อยสัญญาณไวไฟ บางแห่งก็ตั้งรหัสป้องกัน บางแห่งก็ไม่ได้ตั้งรหัสป้องกัน ทำให้มีผู้ที่แอบใช้สัญญาณไวไฟดังกล่าว ส่งผลกระทบให้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตลดลง หรืออาจจะสร้างความเสียหายอย่างอื่น แต่เท่าที่ทราบยังไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลที่แอบใช้สัญญาณไวไฟของผู้อื่น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีคดีลักษณะนี้ให้เห็นเป็นตัวอย่างจนนำไปสู่การพิจารณาของศาลฎีกาก็เป็นไปได้

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK