รางวัล “นราธิปฯ” คือรางวัล นักเขียนที่สร้างผลงานมาอย่างต่อเนื่อง ผลงานมีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อสังคม และนักเขียนต้องอายุ 75 ปีขึ้นไป

ในปี พ.ศ.2561 คณะกรรมการสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้พิจารณานักเขียนทั่วประเทศ แล้วยกย่องให้รางวัลนักเขียนทั้งหมด 19 นาม กำหนดพิธีมอบรางวัล วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2562 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี นักเขียนรางวัลนราธิปฯปี 2561 มีความหลากหลาย มีศิลปินแห่งชาติ อดีตนายกรัฐมนตรี นักเขียนนวนิยาย กวี นักแปล และนักหนังสือพิมพ์

ชวน
ชวน

อดีตนายกฯที่ได้รับรางวัลนราธิปคือ นายชวน หลีกภัย เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2481 ที่อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เรียนจบโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วเรียนกฎหมายต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผลงานด้านวรรณกรรมคือ รวมเรื่องสั้นชุดเย็นลมป่า

บางบรรทัดในวรรณกรรมของอดีตนายกฯบอกว่า “กลุ่มผู้รักชาติได้มีโอกาสชื่นชมอยู่กับความสงบเงียบและวังเวงอยู่เพียงไม่นาน หลังจากนั้น สิ่งที่คาดหวังไว้ดูจะเปลี่ยนแปลงไป”

...

นักเขียนนวนิยายแนวบู๊ในนิตยสาร “บางกอก” อดีตผลงานของท่านมีผู้ซื้อไปทำหนังเกือบทุกเรื่อง เจ้าของนามปากกา “ต๊ะ ท่าอิฐ” คือ ชูศักดิ์ ราษีจันทร์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2480 ที่ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เคยเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เรียนไม่จบ แล้วหันไปเรียนวิทยาลัยครู จบไปเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนในจังหวัดอุตรดิตถ์ มีประสบการณ์เป็นไกด์ผีอยู่ในกรุงเทพฯ และเป็นล่ามให้กับทหารซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นมาเขียนสารคดีชุด “ไกด์บางกอก”

ความโด่งดังของ ต๊ะ ท่าอิฐ มีตำนานว่า เขียนสารคดีเกี่ยวกับชีวิตมัคคุเทศก์ส่งไปยังนิตยสาร “ฟ้าเมืองไทย” ซึ่งมีอาจินต์ ปัญจพรรค์ เป็นบรรณาธิการ แต่ไม่ได้รับการตีพิมพ์ จนกระทั่งวันหนึ่งทางสำนักพิมพ์เกิดติดขัดเรื่องต้นฉบับในชุด “บ้านนี้มีห้องว่างให้เช่า” ของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องเอกในฉบับมาไม่ทัน ทำให้เฉลิมศักดิ์ ศิลาพร หรือ “หยก บูรพา” ผู้ช่วยบรรณาธิการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยนำเอาเรื่อง “แหม่มสอนจูบ” ของ “ต๊ะ ท่าอิฐ” มาลงตีพิมพ์แทน ปรากฏว่า ต๊ะ ท่าอิฐ โด่งดังมาตั้งแต่บัดนั้น

เมื่อกลายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในนิตยสารฟ้าเมืองไทยแล้ว ต่อมาเขียนนวนิยายบู๊ลงในนิตยสาร “บางกอก” รายสัปดาห์ โดยใช้นามปากกา อาทิ ต๊ะ ท่าอิฐ, น่าน นฤบดินทร์, ก้องหล้า สุรไกร และ เชียงแสน ราษีจันทร์ เป็นต้น

ต๊ะ ท่าอิฐ มีชื่อเสียงสูงสุดเมื่อเขียนนวนิยายบู๊ที่นิตยสาร “บางกอก” นิยายของเขามีคนซื้อไปสร้างเป็นภาพยนตร์เกือบทุกเรื่อง และยังเคยได้รับเชิญให้แสดงภาพยนตร์คู่กับสมบัติ เมทะนี จารุณี สุขสวัสดิ์ ในเรื่อง “สลักจิต” อีกด้วย ผลงานเขียนของ ต๊ะ ท่าอิฐ มีนับ 100 เรื่อง ทั้งนวนิยายและสารคดี ด้วยผลงานเป็นที่รู้จักของนักอ่านในวงกว้าง และเป็นที่ยอมรับจึงเป็นผู้ได้รับรางวัลนราธิปฯปี พ.ศ.2561

วันเนาว์
วันเนาว์

ส่วนกวีที่ได้รับรางวัลนราธิปฯ อาทิ รศ.วันเนาว์ ยูเด็น (นามสกุลเดิม บุรณธรรม) จบวิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน และจบปริญญาโท มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน วิทยาลัยครูสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

ผลงานส่วนใหญ่เป็นบทกวี อาทิ รอยทราย รางวัลชมเชย งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2536 ลำนำแห่งขุนเขา รางวัลชมเชย งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2537 นิราศสวน รางวัลดีเด่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2537 และระยับรุ้ง รางวัลดีเด่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2538 เป็นต้น

วันเนาว์ได้รับยกย่องเป็นครูภาษาไทยดีเด่น จากกระทรวงศึกษา-ธิการเมื่อปี พ.ศ.2531

คู่ชีวิตของวันเนาว์ก็ได้รับรางวัลเช่นกันคือ มะเนาะ ยูเด็น เกิดที่ บ้านบางหมาก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง จบชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียน “วิเชียรมาตุ” สำเร็จปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้รับทุนมูลนิธิฟุลไบรท์ ศึกษาต่อปริญญาโทที่ Teachers College มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และเป็นอาจารย์รุ่นแรกของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

...

ผลงานทางด้านร้อยกรองที่ได้รับรางวัลอาทิ ข้ามขอบฟ้า รางวัลชมเชยหนังสือกวีนิพนธ์ ปี 2542 พ่อรักมู่ทู่ รางวัลชมเชยกลุ่มหนังสือคำประพันธ์สำหรับเด็กก่อนวัยรุ่น ปี 2542 ด้วยรักและผูกพัน รางวัลชมเชยกลุ่มหนังสือคำประพันธ์สำหรับเด็กวัยรุ่น ปี 2544 บทร้อยกรอง “แม่ของแผ่นดิน” ได้รางวัลชนะเลิศ ประเภทบุคคลทั่วไป โครงการประกวดกลอนสุภาพ เทิดพระเกียรติ 76 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พ.ศ.2551

เนาวรัตน์
เนาวรัตน์

กวีอีกท่านหนึ่งที่ได้รับรางวัลนราธิปฯคือ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พุทธศักราช 2483 ที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นกวีที่สร้างสรรค์ผลงานหลากหลายรูปแบบ ผลงานสร้างสรรค์เสนาะพริ้งพราย ผลงานของเนาวรัตน์บ่งบอกถึงความเป็นปราชญ์ทางภาษา และการสร้างสรรค์สุนทรียารมณ์อันงดงาม

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ชอบการแต่งโคลงกลอน ชอบดนตรีไทย มารดาชอบอ่านวรรณคดี เขาจึงอ่านหนังสือได้ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมปีที่ 1 เป่าขลุ่ยได้ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เขาเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตมาตั้งแต่เด็กๆ

...

ขณะที่เนาวรัตน์กำลังศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนวิสุทธรังษีอยู่นั้น เนาวรัตน์ได้พบโคลงสี่ที่บิดาเขียนไว้เมื่อยังหนุ่ม จึงเกิดแรงบันดาลใจเขียนโคลงส่งไปลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขาเริ่มเขียนกลอนเมื่อชั้นมัธยมปีที่ 5-6 และเขียนจริงจังช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เนาวรัตน์ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ประจำปีพุทธศักราช 2536 ผลงาน เช่น คำหยาด, เพียงความเคลื่อนไหว, วารีดุริยางค์, ตากรุ้งเรืองโพยม, เขียนแผ่นดิน และข้างคลองคันนายาวเป็นต้น

เสมอ
เสมอ

ส่วนนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ผู้สร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง และได้รับรางวัลนราธิปฯพร้อมกันนี้มี เทพศิริ สุขโสภา, นิภา ทองถาวร เจ้าของนามปากกกา นิภา บางยี่ขัน, บุญญรัตน์ บุญญาธิษฐาน เจ้าของนามปากกา “บุญญรัตน์”, ประยงค์ อนันทวงศ์ เจ้าของนามปากกา “ช่อประยงค์”, พวงเพชร ศานติพงศ์ เจ้าของนามปากกา “บงกชเพชร”, พจน์ ยังพลขันธ์, มานิจ สุขสมจิตร, เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์, วัชรี สายสิงห์ทอง เจ้าของนามปากกา พชราวลี และ เมขลามณี, ศฤงคาร วาดเวียงไชย เจ้าของนามปากกา “ธัญญา ธัญญามาศ”, ศักดิ์ ส.รัตนชัย, สัมพันธ์ ก้องสมุทร, สุนทร ทาซ้าย, เสมอ กลิ่นหอม เจ้าของนามปากกา “ขุน รำยอง”

...

และเจ้าของบทกวีอันยิ่งใหญ่และอมตะ “กูคือตะวัน พระจันทร์และดวงดาว เมฆหมอกในหนหาว คือภาระต้องดูแล”

กนกวลี พจนปกรณ์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย อธิบายการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการรับรางวัลว่า แต่เดิมกำหนดอายุผู้รับไว้ 80 ปี แต่ปีนี้เปลี่ยนมาเป็นอายุ 75 ปี เพราะเป็นรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรตินักเขียน อยากให้ท่านได้รับตอนที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ท่านจะได้มีความสุขกับผลงานที่ทำมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

สำหรับการพิจารณารางวัล “เรามีกรอบการพิจารณาคือ มอบให้แก่นักเขียน กวี นักหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการ ผู้ทำงานเกี่ยวกับหนังสือ แต่ละปีได้รับการยกย่องประมาณกว่า 10 ท่าน แต่ละท่านมีผลงานได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในปี พ.ศ.2561 ซึ่งจะรับวันที่ 26 มกราคม 2562 นี้ มีนักเขียนปีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่น ต๊ะ ท่าอิฐ นักเขียนที่โด่งดังมากสมัยก่อน และอีกหลายท่านล้วนแต่สร้างชื่อเสียงและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์”

อนาคตของรางวัลอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งก็จะเป็นไปตามสภาพแวดล้อมและบริบททางสังคม เพราะว่าเราคาดไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็เชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และเป็นประโยชน์” นายกสมาคมนักเขียนกล่าวทิ้งท้าย.