คบคิดกันมาแต่ต้นถือว่าเป็นตัวการร่วม?

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจเกี่ยวกับคดีที่มีกลุ่มเด็กชาย จำนวน 7-9 คน ก่อเหตุรุมโทรมเด็กผู้หญิง ป.5 ในร้านขายของแห่งหนึ่ง หลังก่อเหตุตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ต่อมาพ่อของเด็กผู้หญิงได้ตามไปที่สถานีตำรวจ ในระหว่างเจรจา ด้วยความโมโห พ่อของเด็กผู้หญิงจึงลงมือทำร้ายกลุ่มเด็กผู้ชาย รวมถึงผู้ปกครองของเด็กผู้ชายกลุ่มดังกล่าว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน เหตุการณ์ดังกล่าวมีประเด็นข้อกฎหมายที่น่าสนใจหลายประเด็น

ประเด็นแรก สังคมตั้งข้อสังเกตว่า กรณีที่มีเด็กบางคนอ้างว่าแค่ยืนดูต้นทาง ไม่ได้ลงมือข่มขืนเด็กผู้หญิงคนดังกล่าวจะมีความผิดในข้อหารุมโทรมหรือไม่ 

ในประเด็นนี้มีคำพิพากษาได้วินิจฉัยไว้ว่า พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกคบคิดหรือนัดแนะกันมาแต่ต้น ถือว่าได้กระทำชำเราโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงและเด็กนั้นไม่ยินยอมแล้ว ดังนั้น แม้ว่าจะเพียงคนยืนดูต้นทาง อันมีลักษณะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำแล้ว ยังแสดงให้เห็นพฤติการณ์ได้ว่า มีการคบคิดหรือนัดแนะกันมาตั้งแต่ต้นก็ถือว่าเป็นตัวการร่วม มีความผิดในข้อหารุมโทรมเช่นกัน

เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3089/2556

การที่ บ. ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 2 แล้วเรียกจำเลยเข้าไปในห้อง ส่วน บ. ออกจากห้องไปรอที่รถ เมื่อผู้เสียหายที่ 2 ไม่ยินยอมให้จำเลยกระทำชำเรา จำเลยก็เรียกให้ บ. เข้าไปช่วยจับหัวไหล่ผู้เสียหายที่ 2 ไว้ เพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 2 ได้นั้น เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยกับ บ. คบคิดหรือนัดแนะกันมาแต่ต้น ถือว่าได้กระทำชำเราโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงและเด็กนั้นไม่ยินยอมแล้ว

ประเด็นต่อมาสังคมตั้งข้อสังเกตว่า การที่มีผู้ใหญ่บางคนให้ความเห็นว่า การที่สอดใส่อวัยวะเพศ โดยไม่ได้สำเร็จความใคร่ หรือเพียงแค่ใช้นิ้ว ไม่เป็นความผิดนั้น จริงหรือไม่

ในประเด็นนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสองได้อธิบายลักษณะของการกระทำชำเราไว้อย่างชัดเจน โดยกฎหมายไม่ได้ระบุว่า ผู้กระทำความผิดจะต้องทำถึงขั้นสำเร็จความใคร่จึงจะมีความผิด แต่ใช้คำว่า “เพื่อสนองความใคร่” ก็เป็นความผิดแล้ว แม้จะไม่สำเร็จความใคร่ก็ตาม ทั้งนี้ ไม่ว่าจะสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น ก็เป็นความผิดในข้อหาข่มขืน กระทำชำเราทั้งสิ้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276  วรรคสอง การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สังคมสงสัยว่า การกระทำของเด็กวัยรุ่น ซึ่งมีอายุไม่เกิน 18 ปี กฎหมายกำหนดโทษไว้น้อยเกินไป น่าจะลงโทษเสมือนผู้ใหญ่กระทำความผิด 

ทั้งนี้ การกระทำความผิดของเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี แม้ว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายจะให้โอกาสเด็กในการปรับปรุงตัวเป็นคนดีของสังคมก็ตาม แต่หากการกระทำความผิดของเด็กมีพฤติการณ์ร้ายแรง หรือมีการวางแผนสลับซับซ้อน เสมือนบุคคลที่อายุเกิน 18 ปี ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจที่จะมีคำสั่งโอนสำนวนคดีไปยังศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาก็ได้ ซึ่งหากกรณีเป็นเช่นนี้ เด็กที่กระทำความผิดในโทรหารุมโทรม และมีการวางแผนอย่างสลับซับซ้อน อาจจะต้องได้รับโทษเสมือนหนึ่งเป็นบุคคลอายุเกิน 18 ปี อีกทั้ง ไม่ได้รับโอกาสปรับปรุงตัวเหมือนเด็กโดยทั่วไป 

พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553

มาตรา 97 วรรคสอง คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวถ้าศาลเยาวชนและครอบครัวพิจารณาโดยคำนึงถึงสภาพร่างกาย สภาพจิต สติปัญญา และนิสัยแล้วเห็นว่าในขณะกระทำความผิด หรือในระหว่างการพิจารณาเด็กหรือเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำความผิดมีสภาพเช่นเดียวกับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีบริบูรณ์ขึ้นไปให้มีอำนาจสั่งโอนคดีไปพิจารณาในศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดีสำหรับเด็กที่มีเพื่อน ซึ่งมีพฤติกรรมส่อไปในทางรุนแรง ร้ายแรง หรือมักจะกระทำความผิดตามกฎหมาย หากไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อน ก็อย่าไปให้การช่วยเหลือสนับสนุนหรืออยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา และยากที่จะตอบคำถามสังคมได้ 

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK