กรมวิชาการเกษตรเตือนเกษตรกร อย่าลักลอบนำเข้าหน่อพันธุ์กล้วยจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมาปลูกในประเทศโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้โรคปานามาที่ระบาดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำให้พื้นที่ปลูกกล้วยได้รับความเสียหายจนไม่สามารถปลูกกล้วยได้อีก

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยว่า จากสถานการณ์การระบาดโรคเหี่ยวฟิวซาเรียมของกล้วย หรือที่รู้จักกันในชื่อโรคตายพราย หรือโรคปานามาที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR 4 ซึ่งพบระบาดในประเทศแถบอาเซียน เป็นโรครุนแรงที่เกิดการระบาดในพื้นที่ไหนจะไม่สามารถปลูกกล้วยได้อีก

...

“เพราะโรคนี้สามารถติดไปกับหน่อพันธุ์ เมื่อเชื้อราลงไปอยู่ในดินได้แล้ว จะไม่อาจใช้สารเคมีกำจัดเชื้อในดินให้ตายหมดไปได้ และถ้าเข้ามาระบาดในประเทศจะทำลายพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทั้งหมดของประเทศรวมทั้งในกล้วยชนิดอื่นๆด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายของสายพันธุ์กล้วย ที่สำคัญเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR4 มีความสามารถอยู่รอดในดินได้นานมากกว่า 15 ปี รวมทั้งยังสามารถแพร่กระจายไปกับส่วนขยายพันธุ์ที่เป็นโรค ดิน น้ำที่ปนเปื้อนเชื้อราสาเหตุของโรคด้วย”

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรบอกอีกว่า จากการเฝ้าระวังการระบาดของโรคมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน พบว่า กล้วยหอมเขียวหรือกล้วยหอมคาเวนดิช จะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากที่สุด เพราะเป็นพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR4

สำหรับประเทศ ไทย โรคตายพรายที่พบมักจะเกิดกับกล้วยน้ำว้า ยังไม่เคยพบในกล้วยหอมแต่ประการใด เพราะเป็นเชื้อราต่างสายพันธุ์ และปัจจุบันยังไม่พบว่ามีการระบาดของโรคปานามาที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR4 ในประ-เทศไทย แต่ขอเตือนเกษตรกรอย่าได้ลักลอบนำเข้าทุกส่วนของกล้วยทุกชนิดจากประเทศที่พบการระบาดเข้ามาปลูกในประเทศโดยเด็ดขาด ผู้ใดลักลอบนำเข้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติกักพืชมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.