ยุคใหม่ของกองปราบปรามหรือผู้การประเทศไทย ที่นำโดยแม่ทัพ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป.(นรต.50) หรือ ผู้การก้อง นายพลหนุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง ดีกรีจบด็อกเตอร์ วาดฝันจะนำพาหน่วยงานลบข้อครหา ด้านผลงานการสืบสวนปราบปรามคดีอุกฉกรรจ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมเมืองไทย

กับการเปิดตัวแม่ทัพกองปราบปรามครั้งนี้ นับว่าไม่ธรรมดา หลังพาทีมงานประกอบด้วย พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว (นรต.45) พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. (นร.48) นักสืบรุ่นใหญ่ที่สุดของกองปราบปรามในเวลานี้ คอยเป็นพี่เลี้ยงร่วมสืบสวนแกะรอยไปพร้อมกับนักสืบรุ่นน้องไฟแรงไม่แพ้กันอย่าง พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. (นรต.50) พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ ศรีพิณเพราะ รอง ผกก.2 บก.ป. (นรต.50) พ.ต.ท.ปกรเกียรติ พงษ์ธนนิกร (นรต.56) และ พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป. (นบ.รบ) และชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ป.เปิดปฏิบัติการไล่ล่า ปิดคดีระดับประเทศ ตามลากคอนักฆ่าพระกาฬ อดีตตำรวจ พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ ที่คร่ำหวอดในวงการมือปืนรับจ้างมาอย่างโชกโชนยาวนาน ปลิดชีพยิงหัวผู้บริสุทธิ์มานับไม่ถ้วน จนเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกาหัวต้องการตัวมากที่สุด

...

คดีนี้เริ่มตั้งแต่มีเหตุคนร้ายใช้ปืน .380 ยิงนายประชา วรทัด อายุ 52 ปี เสี่ยปั๊มน้ำมันศรีสุวรรณ รุ่งเรือง ที่ จ.สระแก้ว เสียชีวิตคาปั๊ม ยิงนางปาลิดา วรทัด อายุ 50 ปี ภรรยาสาหัส ช่วงเช้ามืดวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป.ตั้งชุดสืบสวนไล่ล่าทำคดีมาตั้งแต่ต้น จนรู้ว่านายพันศักดิ์ มือปืนพระกาฬรายนี้เป็นคนลงมือ

การหาตัวมือปืนระดับตำนานของเมืองไทยรายนี้ นับว่าเป็นเรื่องยาก ถ้าตามจับได้ง่ายๆ ตำรวจคงจับตัวมาดำเนินตามกฎหมายไปนานแล้ว ด้วยความที่คนร้ายเป็นโจรที่ไม่ธรรมดา อดีตเป็นถึงสารวัตรสืบสวนระดับแนวหน้า จับโจรผู้ร้ายมาก่อนมากมาย ทำให้รู้การทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี เฉกเช่นไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ จะหนีทั้งทีต้องให้ลึกลับซับซ้อน ยากต่อการคาดเดา ไม่ทิ้งเบาะแสร่องรอยจนเหมือนเงียบหายไร้ตัวตนมาโดยตลอด

โชคไม่เข้าข้างคนเลวเสมอไป เมื่อ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. และ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พบเบาะแสสำคัญตัวจิ๊กซอว์ที่พอจะสาวไปถึงมือปืนพันศักดิ์รายนี้เข้า จึงสั่งให้ พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ ศรีพิณเพราะ รอง ผกก.2 บก.ป.หัวหน้าชุดนำกำลังไปสอบเค้นลูกน้องเก่านายพันศักดิ์สมัยถูกคุมขังอยู่ด้วยกันในเรือนจำ จ.สระแก้ว เมื่อปี 56 จนรู้ข้อมูลว่า นายพันศักดิ์ได้สั่งให้ขับรถไปรับที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แล้วนำไปส่งที่เกสต์เฮาส์ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังรู้เรื่องนี้ได้รายงานให้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ทราบ ก่อนจะมีการเรียกนักสืบในสังกัดมาประชุมร่วมกันวิเคราะห์สืบสวนแกะรอยใช้วิธีเทคนิคต่างๆ หาเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย จนได้ข้อสรุปว่า มันไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่จังหวัดระยอง

เช้าวันที่ 12 ตุลาคม ชุดไล่ล่าในพื้นที่ นำโดย พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ ศรีพิณเพราะ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ปกรเกียรติ พงษ์ธนนิกร พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป.และเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ป.เกือบ 20 นาย จัดเตรียมเสื้อเกราะและอาวุธหนักเบาครบมือ ปูพรมตรวจค้นตามรีสอร์ตที่อยู่ในตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง 2-3 รีสอร์ต กลับไม่เจอตัว สุดท้ายไปพบที่รีสอร์ตครัวใหญ่ ตั้งห่างออกไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร สอบถามเจ้าของรีสอร์ตทราบว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มีผู้หญิงมาเปิดเช่าห้องอยู่รายหนึ่งลักษณะรูปพรรณสันฐานตรงกับภาพที่เจ้าหน้าที่ให้ดู วันๆเก็บตัวอยู่แต่ภายในห้องไม่เคยออกไปไหนสั่งข้าวในรีสอร์ตกินทุกมื้อ มื้อละ 2–3 จาน สร้างความสงสัยให้กับเจ้าของรีสอร์ตเช่นกัน ทำไมผู้หญิงคนเดียวถึงกินข้าวจุขนาดนี้

ตำรวจกองปราบปรามเกือบ 20 นายไม่รอช้า กระจายกำลังปิดล้อมหน้าห้องและรอบบริเวณรีสอร์ตทันที ทุกคนเตรียมอาวุธขึ้นลำปืนพร้อมบู๊ กับเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้ามันไม่ใช่โจรกระจอกแต่เป็นมือปืนระดับพระกาฬ อาจต่อสู้ไม่ยอมให้จับกุมแต่โดยดี เริ่มปฏิบัติการตามยุทธวิธี ด่านหน้าใช้โล่กันกระสุนตั้งรับอยู่หน้าประตู ก่อนเคาะประตูให้ผู้ที่อยู่ด้านในเปิด ระหว่างรอได้ยินเสียงเหมือนมีการขึ้นลำปืนอยู่ในห้อง ทำให้ตำรวจที่ปิดล้อมอยู่ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เล็งอาวุธปืนไปที่ปากประตูห้องอย่างใจระทึก นางธนพร สุขโขจัย เมียพันศักดิ์ ค่อยๆแง้มเปิดประตูออกมา เห็นตำรวจชักปืนตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่หน้าห้อง รู้เลยว่าวินาทีต่อไปจะเกิดอะไรตามมา จึงรีบตะโกนบอกนายพันศักดิ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำว่า อย่าสู้ ให้ออกมามอบตัว สุดท้ายนายพันศักดิ์ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงสามส่วน หนวดดกดำ ผมกระเซิง ท่าทีอิดโรย หมดสภาพมือปืนพระกาฬที่โด่งดัง ถูกสั่งให้คลานหันหลังออกมามอบตัวอย่างช้าๆ ให้จับกุมแต่โดยดี เจ้าหน้าที่ที่เหลือเข้าไปค้นในห้องพบปืนขนาด .380 กระบอกเดียวกันกับที่ใช้ยิงนายประชา เสี่ยปั๊มน้ำมัน พร้อมกระสุน 13 นัด วางอยู่ในห้องน้ำ นอกจากนี้ยังพบระเบิดมือที่แกะสลักพันสกอตช์เทปเตรียมขว้าง ซ่อนอยู่ในท่อน้ำทิ้งของห้องน้ำอีก 2 ลูก

...

จากอาวุธที่พบในห้อง ทำให้รู้ว่าถ้ากำลังตำรวจมีจำนวนน้อยไม่ได้เตรียมอาวุธหนักเบาครบมือมาเป็นอย่างดี ไม่รู้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อีกทั้งนายพันศักดิ์ ยังมีความกลัวตำรวจจะวิสามัญ ที่ผ่านมาไปไหนมาไหนจึงได้พานางธนพรอยู่ข้างกายตลอด เหมือนเป็นตัวประกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงระหว่าง จับกุม ถือเป็นคนร้ายที่ช่ำชอง รู้วิธี การรักษาชีวิตตัวเองเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือตำรวจกองปราบปราม ปิดคดีนักฆ่าพระกาฬ พันศักดิ์ มงคลศิลป์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. หลังได้รับมอบธงผู้นำหน่วย จาก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด รรท.ผบก.ปอศ.อดีตผู้การกองปราบคนเก่า ได้ให้นโยบายตอนหนึ่งกับตำรวจในสังกัดว่า ตนถือเป็นลูกหม้อของกองปราบปรามคนหนึ่ง เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่ยศร้อยตำรวจโท เห็นการทำงานของผู้บังคับ บัญชาทุกคน ที่สร้างกองปราบปรามจนยิ่งใหญ่มีชื่อเสียง ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้ใจจากผู้บังคับบัญชา ให้มาดำรงตำแหน่งนี้ จากนี้ไปจะมุ่งมั่นทำงานให้ดีที่สุด จะนำความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มาใช้อย่างสุดความสามารถและเต็มกำลัง เพื่อสานตำนานความยิ่งใหญ่ของอดีตผู้บังคับบัญชายุคต่างๆของกองปราบปรามที่ผ่านมา ให้กลับคืนมาอีกครั้ง เหมือนครั้งที่ลงทำงานครั้งแรกตำแหน่ง ร้อยตำรวจโท ที่กองปราบปรามแห่งนี้ เห็นการทำงานของผู้บังคับบัญชาทุกท่าน ฉะนั้นต่อไปนี้เมื่อมีคดีอุกฉกรรจ์ฆ่ากันตาย คดีผู้มีอิทธิพล และคดีสำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ตำรวจกองปราบปรามจะต้องลงพื้นที่ไปสืบสวนสอบสวนทุกคดี โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ และจะทำให้คนไม่ดีไม่มีที่ยืนอยู่ในสังคมไทยอีกต่อไป ตามสโลแกน มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน

...

ก้าวต่อไปของกองปราบปรามยุค “ผู้การก้อง” จะทำให้ผู้ร้ายหวาดหวั่น ประชาชนอุ่นใจได้แค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป ยุคนี้จะเห็นกองปราบปราม ไม่ใช่ไม้ประดับข้างสนามวงการนักสืบอีกต่อไป.


ทีมข่าวอาชญากรรม