กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูล... “พยากรณ์โรค” และ “ภัยสุขภาพ” ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในปี 2561 ไว้น่าสนใจใคร่รู้
โรคที่สำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก โรคตาแดง โรคอาหารเป็นพิษ โรคไข้ฉี่หนู และโรคเมลิออยโดสิส
รวมถึงย้ำเตือนการป่วยด้วย...“โรคทางเดินหายใจ” ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มพบผู้ป่วยมากขึ้นทุกปี
พุ่งเป้าความน่ากังวลเป็นพิเศษโดยเฉพาะในกลุ่ม “เด็กเล็ก” ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง ซึ่งในช่วงฤดูฝนมักจะเกิดการระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจ จากเชื้อ “ไวรัสอาร์เอสวี (RSV)” ในเด็กเล็กอายุ 2-5 ขวบ ที่สร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก

ศ.พญ.มุทิตา ตระกูลทิวากร นายกสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืดและวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย บอกว่า จากการศึกษาของสมาคมฯ ประจำปี 2561 เรื่องสถานการณ์โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในเด็กของกรุงเทพมหานคร พบว่าโรคที่พบมากที่สุด ได้แก่ จมูกอักเสบ (Rhinitis) ถึงร้อยละ 43.6
...
รองลงมาคือ...โรคจมูกและเยื่อบุตาอักเสบ (Rhinoconjunctivitis) ผื่นผิวหนังเรื้อรัง (Eczema) โรคหืด (Asthma) และโรคหืดขั้นรุนแรง (Severe asthma) ตามลำดับ โดยส่วนมากมักพบผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในกลุ่มเด็กช่วงอนุบาลจนถึงปฐมวัย
อาจเรียกได้ว่า...“โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในยุค 4.0 นี้ ถือเป็นโรคฮิตในกลุ่มเด็กเล็ก สาเหตุหลักเนื่องจากภูมิคุ้มกันร่างกายอาจไม่แข็งแรง พันธุกรรม สภาพอากาศที่แปรปรวน มลภาวะในอากาศที่เพิ่มมากขึ้น อาหารการกิน และวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็นสังคมเมือง”

ด้วยเพราะปัจจุบันผู้คนต้องอาศัยอยู่ภายในอาคารมากถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน หรือภายในห้องปิดที่อากาศไม่สามารถถ่ายเทหมุนเวียน ตั้งแต่ภายในบ้าน สถานที่ทำงาน ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์
คุณหมอมุทิตา ย้ำว่า ภายในอาคารนี้เองที่เรามักพบตัวการสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดอาการภูมิแพ้ได้ ไม่ว่าจะเป็น...ไรฝุ่น (House dust mites) หนึ่งในสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญที่สุด
ถัดมาก็พวก...เศษซากแมลงและสิ่งขับถ่ายของแมลงต่างๆ เช่น แมลงสาบ, มด...รังแคจากขนสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข...สปอร์ของเชื้อรา (Mold spores)
และ...สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) หนึ่งในสารก่อมะเร็งที่มีกลิ่นฉุน มักพบตามเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านใหม่ๆ เช่น เครื่องหนัง โต๊ะ ตู้ โซฟา พรม ม่าน พื้น กาวจากการตกแต่งผนังด้วยวอลเปเปอร์ รวมทั้งสีทาผนังบ้านที่ไม่ได้มาตรฐานที่มีกลิ่นฉุนรุนแรงก็เป็นสาเหตุกระตุ้นทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน

ซึ่งแท้จริงแล้วเรื่องสีถือเป็นเกราะป้องกันด่านแรกที่ใกล้ตัวที่สามารถช่วยปกป้องทั้งตัวคุณและลูกได้ แต่คนเรามักไม่ค่อยคำนึงถึง ศ.พญ.มุทิตา บอกอีกว่า ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงการเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ทุกบ้านที่มีเด็กควรใส่ใจทุกรายละเอียด อาทิ การทาสีผนังห้องด้วย “สีทาภายใน”... ที่มีกลิ่นอ่อน ไม่ฉุน ก็จะช่วยป้องกัน
สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีหรืออุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านที่มีส่วนผสมของ “สารฟอร์มาลดีไฮด์” เนื่องจากสารชนิดนี้ มีส่วนผสมของ “ฟอร์มาลิน” หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “น้ำยาดองศพ”
“สารเคมีชนิดนี้นิยมนำมาใช้ ในภาคอุตสาหกรรม การแพทย์ เคมี และทางการเกษตร หากได้รับสารชนิดนี้เข้าไปเกินปริมาณที่กำหนดจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เช่น ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อตา จมูก และทางเดินหายใจ”
...
ที่สำคัญ...ถ้าหากได้รับปริมาณเข้มข้นสูงเกิน 100 ppm อาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด แต่หากได้รับปริมาณน้อยๆต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดผลเสียกับระบบต่างๆของร่างกาย หรือก่อให้เกิดมะเร็งได้

ยุลาวัลย์ เหลืองประเสริฐ คุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคภูมิแพ้และเคยติดเชื้อระบบทางเดินหายใจบอกเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า ลูกสาวของเธอมีโรคประจำตัว คือ “โรคภูมิแพ้” ซึ่งเริ่มเป็นตั้งแต่แรกเกิด ที่สำคัญลูกมีอาการไอรุนแรงขึ้น มีน้ำมูกและมีเสมหะเยอะมากๆ ปรากฏว่า...ลูกมีอาการตัวเขียว มือเท้าเกร็ง และหยุดหายใจ...จึงรีบนำลูกส่งโรงพยาบาลและพบว่าสาเหตุที่ลูกหยุดหายใจ เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส RSV เสมหะไปติดหลอดลม
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นคุณหมอแนะนำให้ดูแลเรื่องความสะอาดน้องเป็นพิเศษ เนื่องจากติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติโดยเฉพาะเรื่อง “ไรฝุ่น” ซึ่งอาจจะเกิดได้จากของเล่น หรือฝุ่นผงจากสีทาบ้านที่หลุดล่อน จึงอยากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ทุกครอบครัวหมั่นสังเกตอาการของลูกสม่ำเสมอ
...
รศ.นพ.สรศักดิ์ โล่ห์จินดารัตน์ รองผู้อำนวยการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เสริมว่า วิธีการดูแลเด็กเป็นภูมิแพ้ มีหลักการง่ายๆดังนี้

หนึ่ง...หลีกเลี่ยงไรฝุ่น ด้วยการทำความสะอาดบริเวณบ้านและห้องนอนอย่างสม่ำเสมอ ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ผ้าห่ม และผ้าม่าน ถัดมา...หลีกเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์ในบ้าน หากบ้านไหนเลี้ยงสัตว์ควรแบ่งโซนที่อยู่ระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจน
ข้อที่สาม...หลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศ เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสีย ควันธูป รวมถึงน้ำหอมฉุน...สี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ และ ห้า...ควรเลือกใช้สีทาภายในบ้านที่ไม่มีส่วนผสมทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ และโรคทางเดินหายใจ ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ป้องกันเชื้อรา...แบคทีเรียสามารถเช็ดล้างได้ ยกตัวอย่างเช่น สีทาภายในซุปเปอร์ชิลด์ ดูราคลีน เอ พลัส เพราะบ้านคือพื้นที่สำคัญที่ลูกต้องอยู่อาศัยไปตลอดชีวิต

...
“ยิ่งในโรงพยาบาลเด็กเป็นสถานที่ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยสูงสุด เพราะเป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาสุขภาพเด็ก ผู้ป่วยส่วนมากก็เป็นเด็กเล็ก เราจึงให้ความสำคัญของการให้บริการที่เป็นมิตรต่อผู้ป่วยเด็กและครอบครัว” รศ.นพ.สรศักดิ์ ว่า
“พื้นที่ทุกตารางนิ้วภายในโรงพยาบาล อาทิ ห้องตรวจโรค...ห้องให้การรักษาพยาบาล...ห้องสันทนาการมุมพักผ่อนจัดสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ จะต้องสะอาด...ปลอดภัย ไม่ใช้สีที่มีสารระเหยพิษในอากาศ เพื่อช่วยเสริมเกราะป้องกันเชื้อโรคต่างๆให้กับผู้ป่วยเด็ก”

ถึงตรงนี้พอจะได้ความรู้กันพอสมควรแล้วว่า “โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในยุค 4.0” ถึงแม้ว่าจะน่ากลัวและอันตรายแต่ก็ป้องกันได้ ทุกคนและทุกครอบครัวหากจะให้ชีวิตเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงในทุกช่วงวัย ก็คงต้องเริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพด้วยตัวเราเอง

ด้วยการยึดหลัก 5 อ. ...อาหาร อากาศ อารมณ์ อุจจาระ...(ขับถ่ายดี) ออกกำลังกาย คร่าวๆก็นับตั้งแต่พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มี ประโยชน์...สารอาหารครบถ้วน หมั่นหาเวลาว่างในการทำกิจกรรมนอกบ้าน ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ก็ยังคงถือเป็นวิธีปฏิบัติสูตรสำเร็จง่ายๆไม่ยุ่งยากแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างยาวนาน
“สุขภาพดีไม่มีขายอยากได้ต้องทำเอง” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...“สุขภาพที่ดี สามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา”.