วันแรกของชีวิตราชการประจำปีงบประมาณใหม่
กองบัญชาการตำรวจนครบาล สลับปรับเปลี่ยนเก้าอี้ระดับ “หัวแถว” จำนวนไม่น้อย หลังจากที่ประชุม ก.ตร.ตีตรา ประทับผ่าน บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รอง ผบ.ตร.- ผบก. เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. กลับนครบาลครั้งแรกในรอบหลายสิบปีมานั่ง “เก้าอี้ น.1” ตามคาด ก่อนถึงคิวเกษียณอายุราชการสิ้นเดือน ก.ย.2562 มีระยะเวลา 1 ปีที่จะขับเคลื่อนทัพสานต่อ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เจ้าของตำแหน่งคนเก่า
ประวัติ ผบช.น.คนใหม่ ถือว่าไม่ธรรมดา เป็นชาวนครชัยศรี จ.นครปฐม ลูกชายคนเดียวของ ด.ต.เสริม วงษ์ปิ่น สังกัดตำรวจม้า บก.สปพ. มุมานะทำงานเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เรียนมัธยมขับรถสองแถวเร่ส่งผัก ส่งดอกไม้แถวปากคลองตลาด
ไม่คิดอยากเป็นตำรวจเพราะเห็นภาพพ่อสะบักสะบอมกลับบ้านจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516
“แต่ชีวิตมันเหมือนเลี่ยงไม่ได้ บางทีเป็นเหมือนฟ้าลิขิต” พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ว่าไว้
สอบเข้าเตรียมทหารรุ่น 20 เลือกเหล่า นายร้อยตำรวจรุ่น 36 บรรจุเป็น รอง สวส.สภ.อ.เมืองขอนแก่น สร้างวีรกรรมทุบโต๊ะโต้คารมกับสารวัตรใหญ่ ไม่นานย้ายไปอยู่โรงพักอุบลรัตน์ที่กันดารสุดในยุคนั้น กระทั่งได้ “สุชาติ ธีระสวัสดิ์” เพื่อนร่วมรุ่นชวนย้ายเข้ากรุงมาเป็น รอง สวส.สน.ดินแดง
โยกไปทำงานสืบสวน สน.สามเสน และเป็น รอง สว.แผนกสืบสวนพิเศษ 191 แล้วขึ้น สว.กก.สส.ภ.จ.นครปฐม ไม่กี่ปีกลับมาเป็น สว.กก.สส.น.ธน เรียนรู้ชีวิตนักสืบนอกตำราครบเครื่อง
ทว่าไม่วายเปิดฉากทะเลาะกับนาย ถูกเสนอย้ายเป็น สวส.ทำหน้าที่ “พันเวร” สน.บางซื่อ ถือเป็น “มรสุม” ครั้งสำคัญ
ในชีวิตราชการ
...
ดีที่ผู้ใหญ่รู้เบื้องลึกได้ คืนความชอบธรรม ขึ้นเป็น รอง ผกก.สส.สภ.อ.โพธาราม จ.ราชบุรี สู่สนามนักสืบอีกครั้ง
เที่ยวนี้ไฟแรง “ร้อนวิชา” หยิบเทคนิคการสืบสวนของนครบาลไปผสมผสานใช้กับงานข่าวในวงการนักเลงที่ตัวเองคลุกคลีอยู่
พิชิตคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่รับผิดชอบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม.
สหบาท