สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจหนึ่งเรื่อง เกี่ยวกับมีพ่อค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายหนึ่ง อ้างว่าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับลูกค้า ต่อมาลูกค้าถูกรางวัลแจ๊คพอทถึง 90 ล้านบาท แต่ลูกค้ายังไม่มารับสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ฝากเอาไว้กับตน จึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จนกระทั่งมีกระแสข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศ ปรากฏภาพข่าวลงในสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท มีการยกย่องถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการค้าขายของพ่อค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายดังกล่าว สิ่งที่ติดตามมาอย่างเห็นได้ชัด คือ ลูกค้าเข้ามาขอซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากพ่อค้ารายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพราะคงหวังอยากจะถูกรางวัลใหญ่ อย่างเช่นลูกค้าคนก่อน

ต่อมาเรื่องราวกับโอละพ่อ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว จึงได้ความจริงในที่สุดว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่อ้างว่าถูกรางวัล 90 ล้านบาทนั้น ไม่มีอยู่จริง

ผลที่ติดตามมาจากการอุปโหลกเรื่องดังกล่าวขึ้นมานั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาหนักถึง 3 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม ฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวพ่อค้าสลากกินแบ่งรายดังกล่าวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ ผลสรุปจะเป็นอย่างไร พ่อค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลคนดังกล่าวจะมีความผิดตามข้อหาอะไรบ้าง ต้องรอผลการรวบรวมพยานหลักฐานจากพนักงานสอบสวน รวมไปถึงคำวินิจฉัยของศาลอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

จากอุทาหรณ์นั้นครั้งนี้ ทำให้มีคำถามตามมาอีกว่า การที่เรานึกสนุกจึงปลอมสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้นมา เพื่อหลอกเพื่อนหรือญาติหรือคนสนิทเล่นๆ ว่าถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลใหญ่ จะมีความผิดตามกฏหมายหรือไม่

...

การปลอมสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารสิทธิ รับโทษหนักกว่าการปลอมเอกสารธรรมดา เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2509 แม้จะกระทำ เพียงเพื่อหยอกล้อเล่นกันในหมู่เพื่อนฝูงหรือญาติสนิทก็ตาม แต่ก็อาจจะมีความผิดในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา 265 ประกอบ มาตรา 268 ทั้งนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีผู้ใดเสียหายเลยก็ตาม เนื่องจากตามบทบัญญัติของมาตรา 264 บัญญัติไว้ว่า “ โดยประการที่ น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง”

จากบทบัญญัติของมาตรา 264 ดังกล่าว จะเห็นได้ว่ากฎหมายบัญญัติคำว่า น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ก็ครบองค์ประกอบของกฎหมาย ซึ่งถือว่ามีความผิดแล้ว ดังนั้น แม้ว่าจะยังไม่มีผู้ใดเสียหายจากการปลอมสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้นมาก็ตาม ผู้ที่ปลอมสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อนำไปหลอกให้เพื่อนหลงเชื่อก็มีความผิดสำเร็จแล้ว มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท และถ้ายิ่งนำภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ทำการปลอมขึ้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือสื่อสังคมออนไลน์ อาจจะมีความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อีกกระทงหนึ่งด้วย

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264

ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

สุดท้ายนี้ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่กำลังนึกสนุกอยากจะปลอมสลากกินแบ่งรัฐบาลแกล้งเพื่อน หรือญาติ หรือคนสนิท โดยเฉพาะการโพสต์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งจะทำให้เรื่องราวของท่านนั้น แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว จนอาจจะนำคดีความมาสู่ตัวท่านก็เป็นไปได้ครับ

สำหรับใครที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK