อัลไซเมอร์เป็นหนึ่งในโรคเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยและยังไม่มีทางรักษา ความเสียหายของสมองจากโรคอัลไซเมอร์จะเริ่มต้นราวๆ 20 ปีก่อนที่สัญญาณการสูญเสียความจำจะปรากฏขึ้น ทุกวันนี้ประชากรเกือบ 50 ล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะสมองเสื่อมและคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สิบปีนี้ แม้จะยังไร้หนทางรักษา แต่หากตรวจสอบพบสัญญาณของโรคได้ล่วงหน้าก็อาจทำให้แพทย์หาวิธีรับมือกับโรคได้ทันกาล
ปัจจุบันแพทย์ใช้เครื่อง PET Scan เป็นการสแกนด้วยรังสีเพื่อตรวจหาความผิดปกติทางสมองและการเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ ทว่าวิธีนี้มีราคาแพงและล่วงล้ำเข้าไปในร่างกาย ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา และทัศนวิทยาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองเซนต์หลุยส์ ในสหรัฐอเมริกา รายงานลงในวารสารจักษุวิทยาสมาคมแพทย์อเมริกัน (JAMA) เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ที่คล้ายคลึงกับชนิดที่มีอยู่ในคลินิกจักษุแพทย์ ที่เรียกว่า Optical Coherence Tomography Angiography (OCT-A) เครื่องมือนี้สามารถตรวจพบสัญญาณของโรคอัลไซเมอร์ในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คนที่เข้าร่วมการวิจัย
นักวิจัยเผยว่า แพทย์จะใช้วิธีส่องแสงเข้าไปในดวงตาเพื่อวัดความหนาของจอประสาทตาหรือเรตินา (retina) และเส้นประสาทตา ซึ่งจอประสาทตาและระบบประสาทส่วนกลางมีการเชื่อมโยงกัน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในสมองจึงสามารถสะท้อนให้เห็นในเซลล์ของจอประสาทตาได้ ซึ่งเครื่องมือ OCT-A จะช่วยคัดกรองและตัดสินว่าใครควรได้รับการทดสอบด้วยวิธีสแกนรังสี หรือเจาะน้ำไขสันหลังก่อนที่จะมีอาการทางอัลไซเมอร์ปรากฏ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ จึง จำเป็นต้องศึกษากับกลุ่มขนาดใหญ่กว่าและต้องใช้เวลานานเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน.