“เกษตรแปลงใหญ่”...ใกล้กรุงเทพมหานคร

วันนี้จะพาไปดู “กลุ่มเกษตรกรตำบลบางเตย” อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ที่ได้รวมตัวกันปลูกผัก แถมได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยตามนโยบายด้านการส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัยของจังหวัดปทุมธานี

ด้วยจังหวัดฯมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรทำการผลิตสินค้าเกษตรในระบบที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน GAP สนับสนุนงบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการส่งเสริมทั้งด้านพืช ด้านประมง ด้านปศุสัตว์

วันนี้...กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ผักปลอดภัยตำบลบางเตย มีสมาชิก 50 ราย ปลูกผักหลากหลายชนิด สุ้มเสียงจากตัวแทนเกษตรกรย้ำว่า... “เนื่องจากเราต้องการนำผลผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งเราในฐานะผู้ผลิตก็ปลอดภัยด้วยเช่นกัน”

ถัดมา...“ข้าวรัชดา” อีกหนึ่งแปลงนาแห่งการเรียนรู้ ข้าวไรซ์เบอร์รี อินทรีย์ที่นี่ปทุม จากน้ำพักน้ำแรงของ “โชคชัย”...“นัยนา” ช่างทองคลองสี่ สองพี่น้อง ผู้สืบทอดเจตนารมณ์คุณพ่อ ในการมุมานะปลูกข้าวไรซ์เบอร์รีปลอดสารพิษ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งผ่านการรับรอง GAP กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

...

ส่งผลให้ “ข้าวรัชดา” เป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในวงกว้าง ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายที่ตลาดหนองปรือ ตลาดกรีนธรรมศาสตร์ และตลาดโรงพยาบาลปทุมธานี

แต่ทว่า...กว่าจะเป็น ข้าวไรซ์เบอร์รีปลอดสาร และเป็นแปลงนาแหล่งเรียนรู้ของชุมชน การปลูกข้าวปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก...ต้องผ่านกระบวนการลองผิดลองถูก อดทนรอคอยกว่าจะประสบความสำเร็จ...

เส้นทางของการดำเนินงานในวันวานที่ผ่านมาจึงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

นัยนา เล่าให้ฟังว่า กว่าจะออกมาได้ขนาดนี้ เคยโดนคนในพื้นที่ ตำหนิว่าทำไปแล้วได้อะไร เพราะวิถีการปลูกข้าวโดยทั่วๆไปนั้น ต้องมีการใส่ปุ๋ยปริมาณมากควบคู่กับการฉีดยากำจัดศัตรูพืช แต่วิธีการทำงานของข้าวรัชดานั้น แก้ไขปัญหาแมลงศัตรูพืชด้วย “น้ำหมักชีวภาพ”

บำรุงดินด้วยวิธีการปลูกพืชที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงดิน เช่น ปอเทือง จึงเรียกว่า...เป็นนาข้าวที่ใช้วิถีทางธรรมชาติ ผลที่เกิดขึ้นอย่างเด่นชัดคือการได้ข้าวปลอดภัยคุณภาพดี...ลดต้นทุนได้

“ปลูกข้าวด้วยวิธีการทั่วไป ต้นทุนประมาณ 4,000 กว่าบาท ในขณะที่การปลูกข้าวแบบลดต้นทุนใช้ทุนประมาณ 2,100 บาทต่อไร่ สิ่งเหล่านี้เองจึงส่งผลให้นาข้าวช่างทองคลองสี่ กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อชุมชน และเป็นความสำเร็จที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวอย่างยิ่ง”

เราสามารถผลิตข้าวที่ปลอดภัยเพื่อ “ครอบครัว” และเพื่อ “ผู้บริโภค” ได้สำเร็จ

พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี บอกว่า ปทุมธานีจะเดินหน้าไปสู่เมืองอาหารปลอดภัย ดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดปทุมธานี พ.ศ.2561-2564 (4 ปี) ...“ปทุมธานีเป็นเมืองสิ่งแวดล้อมสะอาด อาหารปลอดภัย แหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจของอาเซียน สังคมอยู่เย็นเป็นสุข”

เป้าหมายหลักในการพัฒนาโดยเฉพาะในด้านการเกษตร กำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบการเกษตรให้มีผลผลิตปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการส่งเสริม สนับสนุน ให้มีการผลิตตามมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์

นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญในด้านอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตก็ต้องปลอดภัย ปราศจากสารปนเปื้อน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บเช่นเดียวกัน

มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการต่างๆ ในเรื่องความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหาร เช่น โครงการ Clean Food Good Taste, โครงการตลาดสดน่าซื้อ, โครงการเขียงสะอาด, การทำเกษตรในระบบมาตรฐาน (GAP), การรับรองแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน (Q)

ร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบปลอดภัยเลือกใช้สินค้า Q (Q-restaurant) เพื่อส่งเสริมระบบความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัยของจังหวัด

“เรามีความตั้งใจที่จะประชาสัมพันธ์ ส่งเสริม ขยายตลาดสินค้าเกษตร...อาหารปลอดภัย ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น กระตุ้นเตือนผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนให้หันมาตระหนักถึงพิษภัย ผลร้ายของสารเคมี ส่งผลให้มีการปรับพฤติกรรม แนวคิด วิธีการผลิต การบริโภคสินค้าเกษตรและอาหารในระยะยาว”

...

ผลผลิตต้นน้ำปลอดภัยไร้สารพิษ ส่งผ่านไปยังผู้บริโภคปลายน้ำ และระหว่างเส้นทางกลางน้ำ จังหวัดปทุมฯยังเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไปยังจังหวัดต่างๆในภูมิภาค แน่นอนว่านอกจากจะดูแลมาตรฐานในจังหวัดเองแล้ว สินค้าที่มาจากต่างถิ่นก็ต้องได้รับการกำกับดูแลให้ได้มาตรฐานเช่นกัน

“จังหวัดปทุมธานีเป็นเมืองตลาด มีตลาดหลายขนาด...ถ้าขนาดใหญ่ก็ตลาดไท เราเน้นเรื่องผักปลอดภัย เพราะฉะนั้นเราต้องการให้คนของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เราก็อาศัยตลาดกระจายผลผลิตส่งขายไปยังกรุงเทพฯ...ต่างจังหวัด นี่คืออาหารปลอดภัย ถ้าคุณต้องการเป็นไฮคลาสคุณต้องกินฟู้ดเซฟตี้ของปทุมธานี”

“ตลาดไท”...เป็นตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรครบวงจรใหญ่ที่สุดในอาเซียน จังหวัดปทุมธานีได้ร่วมกับผู้บริหารตลาดไททำข้อตกลงร่วมกัน ในการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยให้แก่ เกษตรกรและกลุ่มเครือข่ายผู้ปลูกพืชผักปลอดภัยของภาคกลาง นำผลผลิตมาจำหน่ายโดยตรง

...เป็นการส่งเสริม “การตลาดนำการผลิต” ตามนโยบายของรัฐบาล

...

สถานการณ์การประกอบอาชีพเกษตรกรรมในปัจจุบัน มีการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืชอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ได้ผลผลิตสูง จนส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนเกิดอันตรายต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค...

ทั้งยังสูญเสียเงินตราเป็นค่าปุ๋ย ค่ายา...ไหลออกไปยังต่างประเทศปีละหลายหมื่นล้าน

ตอกย้ำภาพความสำเร็จชัดเจนที่เกิดขึ้นกับแปลงผัก “กลุ่มเกษตรกรตำบลบางเตย” เราต้องการให้เกษตรกรทำเป็นแปลงใหญ่ ทำให้มีการรวมกลุ่ม ทำให้เรามีพลังในการที่จะนำผลผลิตเข้าสู่ตลาดได้ และเมื่อมีความปลอดภัยก็จะสอดคล้องกับลูกค้าที่มีความต้องการบริโภคอาหารปลอดสารพิษ

ผู้ว่าฯพินิจ ย้ำว่า จังหวัดปทุมฯตั้งเป้าว่า...จะเป็นเมืองแห่งอาหารปลอดภัย สำหรับคนไฮคลาส จึงต้องทำให้ครบทุกมิติ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ผู้บริโภคทั่วไป เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ ได้แก่ ผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบ ไปจนถึงกระบวนการปรุงแต่ง เป็นอาหาร สถานที่จำหน่ายจนถึงผู้บริโภค ต้องได้มาตรฐานความปลอดภัย

ตามยุทธศาสตร์ “เสริมสร้างความเข้มแข็งระบบอาหารปลอดภัยอย่างครบวงจร”...“ส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบมีส่วนร่วมเพื่อให้ปทุมธานีเป็นเมืองสิ่งแวดล้อมสะอาด...พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จัดกิจกรรมการท่องเที่ยว...การตลาด เพื่อสร้างอาชีพ รายได้ ให้กับคนในพื้นที่...” และ “ยกระดับการจัดสวัสดิการสังคม...พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ทั่วถึง เพื่อสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาชีวิตชุมชน”

...

ความสำเร็จของจังหวัดปทุมธานีเมืองอาหารปลอดภัย...ท่ามกลางกระแสแรงต้านสารพิษเคมีอันตรายในวันนี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้การทำการเกษตรแบบไร้สารพิษประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก

ทั่วทุกหัวระแหงแผ่นดินไทยจะได้ปลดโซ่ตรวน “แผ่นดินอาบพิษ”.