หลบกบดานอยู่กัมปงสปือ หนีไม่รอดพร้อม ‘น้องชาย’ ‘โจ๊ก’ นั่งฮ.บินด่วนไปรับตัว

ไอ้โก้ มือฆ่าสาวนักธุรกิจไฮโซไม่รอด ถูก สห.กัมพูชาตามตะครุบได้พร้อมน้องชาย หลังไปกบดานที่จังหวัดกัมปงสปือ ประเทศกัมพูชา “บิ๊กโจ๊ก” ยืนยันจับจริง พร้อมนั่ง ฮ.บินไปรับด้วยตัวเอง อยู่ระหว่างนำตัวส่งมอบให้ฝ่ายไทยที่ด่านปอยเปต เผยเว็บไซต์สำนักข่าวในประเทศกัมพูชาเผยแพร่ข่าวและภาพขณะการจับกุม 2 พี่น้อง

จากเหตุฆาตกรรมโหด น.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี ไฮโซสาวนักธุรกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท มหาเกียรติ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และขนส่งรายใหญ่ รวมถึงเป็นเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันอีก 3 แห่ง ภายในห้องพักเลขที่ 2702 ชั้น 7 โรงแรมกรีนพอยท์ เรสซิเด้นท์ ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. สภาพศพนั่งกับพื้นหน้าฟุบกับขอบเตียง สวมชุดนอนสีเขียว มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่บริเวณขมับขวาจนกะโหลกยุบ ใกล้ศพพบไม้เบสบอลเปื้อนเลือดตกอยู่บนเตียง 1 อัน นอกจากนี้ยังพบว่ารถเบนซ์ รุ่นอี 220 สีบรอนซ์ ของผู้ตาย ถูกคนร้ายขับหลบหนีไปจอดทิ้งไว้ลานจอดรถเอกชน ด่านชายแดนถาวรบ้านผักกาด หมู่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตรงข้ามกรุงไพลิน ประเทศกัมพูชา

ต่อมาศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ตามภาพจากกล้องวงจรปิดของโรมแรมหลังเกิดเหตุ และปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดของกาสิโนแห่งหนึ่งในกัมพูชาพร้อมนายอนุวัฒน์ ชัยภา น้องชายที่คาดว่าเป็นคนพาหนี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ในที่สุดไอ้โก้ไม่รอด ถูกทีมงานโจ๊กประสานทางการกัมพูชาตามรวบได้พร้อมน้องชายที่พาหนี โดยมีรายงานข่าวเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 31 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญา– กรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สห.ประเทศกัมพูชา ติดตามจับกุมนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี และนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชาย ได้ที่หมู่บ้านเคลงปอ ต.เปรยเงียด อ.คองปิเซ จ.กัมปงสปือ ประเทศกัมพูชา และอยู่ระหว่างไปรับตัวเดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ

...

ขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สห.ประเทศกัมพูชา จับกุมนายอัศยา หรือโก้ ชัยภา ผู้ต้องหาฆ่านักธุรกิจสาวในพื้นที่ สน.โชคชัย แล้วหลบหนีกบดานฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวได้ประสานการทำงานกับทางการกัมพูชา เข้าร่วมจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ จ.กัมปงสะปือ ประเทศกัมพูชา ขณะนี้กำลังไปรับตัว ที่ฝั่งชายแดนประเทศกัมพูชาด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ มีรายงานงานว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ได้นั่ง ฮ.จาก กทม.มาลงที่ กก.ตชด.12 เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. เพื่อรอรับตัวไอ้โก้จาก จนท.กัมพูชา และนำตัวเข้า กทม.ทันทีที่มาถึง

ส่วนความเคลื่อนไหวที่ด่านพรมแดนปอยเปต กรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ค่ำวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ ตม.กัมพูชา ได้จัดกำลังเตรียมพร้อมรวมทั้งจัดการจราจรหน้าที่ทำการด่าน ตม.ปอยเปต โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดนปอยเปตฯผู้หนึ่งกล่าวว่า เตรียมสถานที่รอรับ จนท.สห.กัมพูชา และฝ่ายความมั่นคงที่ควบคุมนายโก้จากกรุงพนมเปญ มาส่งให้ จนท.ไทยที่ด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว คาดจะมาถึงด่านพรมแดนปอยเปต เวลาประมาณ 22.00 น.คืนนี้

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวอีกกระแสถึงการจับกุมครั้งนี้ว่า เจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชาอยู่ระหว่างนำตัวพี่น้องทั้งคู่เดินทางมาที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังหนีไปซ่อนตัวอยู่บริเวณทะเลสาบเขมร หรือโตนเลสาบ บริเวณใจกลางของประเทศ คาดว่า พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ และทีมงานจะเดินทางด่วนไปเจรจาเพื่อขอตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย อาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันคล้ายๆกรณีของการรับตัวเสี่ยอ้วน หรือนายปัญญา ยิ่งดัง ผู้ต้องหา คดีฆ่า 2 ศพเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี กลับมาดำเนินคดี

พร้อมกันนี้ เว็บไซต์ข่าวของกัมพูชา www. freshnewsasia.com ยังได้นำเสนอข่าวจับกุมนายอัศยาและนายอนุวัฒน์ น้องชายพร้อมภาพขณะจับกุมไว้ด้วย

ต่อมาเวลา 23.15 น. หลังรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้งคู่จากฝ่ายกัมพูชาแล้วได้นำตัวให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ที่รออยู่ กก.ตชด.12 จ.สระแก้ว เพื่อสอบปากคำเบื้องต้น โดยนายโก้รับสารภาพลงมือก่อเหตุจริง โดยวันเกิดเหตุตนกับผู้ตายที่คบหาใกล้ชิดมาประมาณ 1 ปี มีปากเสียงกันเรื่องที่ตนอยากจะกลับบ้าน เพื่อเอารถยนต์ที่ซื้อมือสองมากลับไปให้พ่อใช้ แต่ผู้ตายหึงหวงคิดว่าตนจะย้อนกลับไปหาเมียเก่าเลยมีปากเสียงกัน และนำไม้เบสบอลที่ผู้ตายซื้อมาไว้ที่ห้องมาทำร้าย ตนเลยแย่งกลับมา แต่ถูกผู้ตายด่าทอด้วยคำรุนแรงเลยเถิดไปถึงบุพการี เกิดบันดาลโทสะ ใช้ไม้เบสบอลหวดไปที่ศีรษะผู้ตาย 3 ครั้งจนแน่นิ่ง เชื่อว่าเสียชีวิต ครั้งแรกตั้งใจจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่คิดถึงลูกเลยตัดสินใจหนีกลับบ้าน แต่เปลี่ยนใจหนีข้ามไปประเทศกัมพูชาด้วยความช่วยเหลือของน้องชาย พาเข้าช่องวีไอพีของบ่อนการพนันด้านปอยเปต และหนีเข้าไปเรื่อยๆกระทั่งถูกจับที่บ้านชาวประมง ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่หายไป 2.5 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว และไม่เคยเล่นการพนันด้วย จากนั้น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เตรียมพาขึ้น ฮ.เดินทางกลับ กทม. นำตัวไปที่ สน.โชคชัย ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป