ท่ามกลางเสียงตำหนิพนักงานสอบสวน แต่การป้องกันเหตุเป็นอีกด้านที่ต้องยอมรับว่า ตำรวจทำได้แย่...

ทุกครั้งที่มีประเด็นความอ่อนด้อยด้านป้องกันเหตุเกิดขึ้น ข้ออ้างไม่ต่างกับของพนักงานสอบสวนคือ กำลังพลไม่เพียงพอกับการดูแลประชาชน?!?

เมื่อดูตามสภาพความจริงบางโรงพักไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีหน้าที่ดูแลพื้นที่เพียงน้อยนิด อย่างเช่น โรงพักย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร แต่สำหรับโรงพักที่มีพื้นที่ต้องดูแลเยอะ มันก็หนักหน่อย...

ทว่ามันไม่สามารถเอามาเป็นข้ออ้าง ในเมื่อเลือกที่จะมายึดอาชีพตำรวจ รู้ว่ามันมีปัญหานี้หมักหมมมานมนานแล้ว ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเองให้ได้?

ไม่ใช่ทิ้งปัญหา เริ่มจากเลิกตรวจสอบเหตุเล็กน้อยที่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้?!?

อย่างเหตุอุกฉกรรจ์ที่เกิดในท้องที่ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อตำรวจรับแจ้งเหตุยิงกันตายที่เคหะเมืองใหม่บางพลี ไปตรวจสอบพบศพ นายชัยวัฒน์ โยธาภักดี อายุ 20 ปี ชาว จ.มหาสารคาม นอนเสียชีวิตอยู่บนรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บช 6720 มหาสารคาม

มีบาดแผลถูกจ่อยิงด้วยปืน .22 ที่ขมับ 1 นัดตายคาที่!

มือปืนไม่ใช่ใครที่ไหน? เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ชั้น 3 อาคาร 5 เคหะเมืองใหม่บางพลีนั่นเอง ตำรวจเดินขึ้นไปควบคุมตัว นายสมบูรณ์ นกเขา อายุ 38 ปี ที่รอมอบตัวอยู่ในห้องพัก พร้อมปืนลูกโม่ .22 อาวุธสังหาร

ให้การรับสารภาพว่า ที่ก่อเหตุเพราะกลุ่มผู้ตายชอบนำรถมาจอดเปิดเพลงส่งเสียงดังไม่เกรงใจชาวบ้าน ทำแบบนี้มาหลายครั้ง วันนี้เห็นมืดค่ำแล้วอยากพักผ่อน จึงเดินลงไปเตือนดีๆแต่ผู้ตายไม่สน

ด้วยความเก็บกดตัดสินใจเดินมาหยิบปืนในห้อง เดินลงไปจ่อยิงเหยื่อจนตายดื้อๆ!

ต้องยอมรับว่า ความผิดเกือบทั้งหมดเป็นของมือปืน ที่ใจร้อนแก้ปัญหาเดือดร้อนรำคาญด้วยความรุนแรง ต้องก้มหน้าเดินเข้าไปใช้กรรมในคุกอีกหลายปี!?!

...

นี่แหละ...ตัวอย่างของเรื่องเล็กๆที่บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าตำรวจสายตรวจรับแจ้งเหตุแล้วรีบมาดูแลแก้ปัญหา คดีนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น

ที่ยกตัวอย่างคดีนี้ เพื่อเป็นข้อคิดสำหรับตำรวจฝ่ายปราบปรามทั่วประเทศ ที่รับแจ้งเหตุแล้วไม่เคยโผล่?!?

ถึงเวลาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง...หรืออยากเห็นคนฆ่ากันตายเพราะตัวเองไม่ทำงาน?

สหบาท