สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลายท่านคงได้อ่านข่าวเกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียงสองท่านได้เปิดศึกแสดงวาทะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ฝ่ายหนึ่งได้เรียกร้องความเป็นธรรม โดยขอให้ดำเนินคดีกับโค้ชเอก ที่ได้พาเด็กทั้ง 12 คนเข้าถ้ำหลวง เช่นเดียวกับตนที่ได้เข้าไปในถ้ำและมีการถ่ายคลิปวิดีโอ ส่วนฝ่ายดาราก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นโดยใช้คำว่า “บ้า” ทำให้ฝ่ายที่ถูกพาดพิงเสียหาย และแจ้งกับสื่อว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่แสดงความคิดเห็นดังกล่าว จากข้อมูลที่มีการแชร์กันในสื่อสังคมออนไลน์ ข้อเท็จจริงอาจจะยังไม่เป็นที่ยุตินะครับ ดังนั้น จึงควรรับฟังข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวัง
จากข้อมูลเบื้องต้น มีสิ่งที่ควรนำมาศึกษาได้ คือ การใช้คำว่า “บ้า” ในการแสดงความคิดเห็นจะเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่ และถ้าไม่เข้าข่ายข้อหาหมิ่นประมาท อาจจะมีความผิดในข้อหาใดได้บ้าง
ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจว่า คำด่า หรือ คำหยาบคาย กับการหมิ่นประมาทนั้น มีลักษณะแตกต่างกัน คำด่าหรือคำหยาบคายนั้น มักจะมีลักษณะเหยียดหยามผู้ที่ถูกด่า โดยอาจจะเปรียบเทียบกับสัตว์เลื้อยคลาน เช่น ตัวเงินตัวทอง สุนัข ช้าง หรือ ควาย เป็นต้น หรืออาจจะใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบเกี่ยวกับสติปัญญา เช่น ปัญญาอ่อน บ้า เพี้ยน เป็นต้น
...
คำด่า ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่สามารถเป็นไปได้ เช่น คนไม่สามารถเป็นตัวเงินตัวทอง หรือคนไม่สามารถเป็นสุนัข หรือเป็นช้าง หรือเป็นควายได้ หรือ แม้แต่การด่าว่าปัญญาอ่อน บ้า หรือเพี้ยน ก็เป็นเพียงการด่า หรือเหยียดหยาม ซึ่งไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริง และบางครั้งคำว่า บ้า อาจจะเป็นเพียงการหยอกล้อ หรืออาจจะเป็นเพียง คำอุทาน เป็นคำที่เปล่งออกมาโดยไม่คำนึงถึงความหมาย แต่เน้นที่การแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูดเท่านั้น จึงไม่เป็นความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท และอาจจะไม่มีความผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความสนิทสนมระหว่างคู่สนทนา
ประการสำคัญ คือ การด่านั้น จะต้องด่าต่อหน้า และผู้ที่ถูกด่าจะต้องรับรู้ข้อความนั้นทันที จึงจะมีความผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า หากผู้ที่ด่าและผู้ที่ถูกด่าอยู่ต่างกันคนละสถานที่ ผู้ที่ถูกด่าจึงไม่สามารถรับรู้ข้อความหรือคำด่าได้ทันที กรณีไม่อาจจะมีความผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 3711 / 2557 (แต่เดิมนั้นการโทรศัพท์ด่ากันมีความผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393)
คำด่าหรือคำหยาบคาย จึงแตกต่างจากคำหมิ่นประมาท เนื่องจากคำหมิ่นประมาทนั้น เป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้ และผู้ที่พูดได้ยืนยันข้อเท็จจริง โดยใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง อย่างไรก็ตามคำด่าหรือคำหยาบคาย เมื่อพูดออกมาแล้ว และพูดต่อหน้าผู้ที่ถูกด่าทำให้ผู้ที่ถูกด่ารับรู้ข้อความได้ทันที ย่อมมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คดีนี้ จึงน่าติดตามว่าจะมีการดำเนินคดีกันจริงหรือไม่ และหากมีการดำเนินคดีกันแล้ว ศาลจะวินิจฉัยอย่างไร ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ต้องการจะแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ควรจะใช้ถ้อยคำสุภาพ และคำนึงถึงผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตของท่านด้วย เพราะหากท่านใช้ถ้อยคำรุนแรงเกินไป อาจจะนำมา ซึ่งคดีความก็เป็นไปได้ เมื่อนำคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว ผลทางคดีจะเป็นอย่างไร นั้นเป็นอีกเรื่อง
สำหรับผู้ที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลล์มาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK ได้เลย