สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความถึงบุคคลอื่นในทำนองเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่กลับเป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา โดยหลายคนมักเข้าใจว่า การหมิ่นประมาท คือ การโพสต์ข้อความในเรื่องที่ไม่จริงเท่านั้น ส่วนการโพสต์ข้อความเรื่องจริงจะไม่เป็นความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดและอาจจะนำความเดือดร้อนมาให้แก่ผู้โพสต์ข้อความได้
การหมิ่นประมาท คือ การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ซึ่งการโพสต์ข้อความที่เป็นความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท จะเป็นเรื่องเท็จหรือเรื่องจริงก็ได้
ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า “ยิ่งจริงยิ่งผิด” และถ้าเรื่องจริงนั้น ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ การพูดเรื่องของผู้อื่น ในลักษณะที่อาจจะทำให้ผู้อื่นเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง ย่อมอาจจะมีความผิดตามกฎหมาย เช่น นาย ก. เล่าเรื่องส่วนตัวของนาย ข. ให้นาย ค. ฟัง ไม่ว่าจะเล่าด้วยตัวเอง หรือโดยการโทรศัพท์คุย หรือส่งข้อความส่วนตัวผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องไม่จริง ทำให้ นาย ข. อาจจะเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง นาย ก. ย่อมมีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทได้
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนการโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทาง หรือประกาศ หรือโฆษณา อันมีลักษณะทำให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก และมีโอกาสเสี่ยงต่อการที่ข้อความดังกล่าวนั้นจะถูกเผยแพร่ออกไปด้วยความรวดเร็ว กรณีนี้จะเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
...
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
การเล่าเรื่องของบุคคลที่สามให้ผู้อื่นฟัง หรือโพสต์ข้อความถึงบุคคลที่สามผ่านสื่อสังคมออนไลน์จะไม่เป็นความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท หากมีลักษณะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิด เผยในศาลหรือในการประชุม ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ตัวอย่างเช่น การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หรือใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ การติชมการให้บริการของร้านค้า หรือร้านอาหาร การติชมผลผลงานของดารา นักร้อง นักแสดง เป็นต้น ซึ่งอยู่ในวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้
ทั้งนี้ ในกรณีที่จะพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้กระทำความผิดได้กล่าวหาบุคคลที่สามนั้น ตามกฎหมายเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความจริงได้ หากข้อที่หาว่าหมิ่นประมาทเป็นประโยชน์แก่ประชาชน แต่ในขณะเดียวกันตามกฎหมายไม่ให้พิสูจน์ถ้าข้อที่หาว่าหมิ่นประมาทนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
สุดท้ายนี้ จึงอยากฝากข้อคิดไว้ให้กับทุกท่านพิจารณาครับ เมื่อมีการกระทำใดๆ ก็ตามที่กระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลอื่น บุคคลนั้นย่อมใช้สิทธิทางศาลได้ ส่วนการกระทำดังกล่าวจะเป็นความผิดหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยตามพยานหลักฐาน โดยการชั่งน้ำหนักพยานของทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การจะโพสต์ข้อความถึงบุคคลอื่นในทำนองเสียหาย ถ้าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจน และไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การโพสต์ข้อความดังกล่าว อาจจะทำให้ท่านต้องถูกฟ้องต่อศาล เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย เสียค่าทนาย เสียสุขภาพจิตตามมาได้ จึงขอให้ระมัดระวังการโพสต์ข้อความถึงบุคคลอื่นด้วยครับ
สำหรับผู้ที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลล์มาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK ได้เลย
...