กรมสุขภาพจิต จัดหน่วยแพทย์เยียวยาใจเคลื่อนที่บริการดูแลประชาชน ที่ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพจ่าแซม ที่วัดหนองคู ร้อยเอ็ด พร้อมเชิดชู เป็นสัญลักษณ์จิตอาสา แนะ ผู้ปกครองสอนปลูกฝังลูกหลานและให้ลงมือทำจริงตั้งแต่วัยเด็ก ชี้จะเป็นการบ่มเพาะความงอกงามทางจิตใจ 

วันที่ 14 ก.ค. นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันพระราชทานเพลิงศพจ่าเอกสมาน กุนัน หรือจ่าแซมเป็นกรณีพิเศษ ที่วัดหนองคู ต.เมืองหงส์ อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2561 กรมสุขภาพจิต ได้จัดหน่วยแพทย์เยียวยาใจเคลื่อนที่ชุดใหญ่ร่วมกับโรงพยาบาลในจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพกายและใจครอบครัวและญาติของจ่าเอกสมาน และประชาชนที่ไปร่วมไว้อาลัยจำนวนมากอย่างเต็มที่ และดีที่สุด โดยทีมสุขภาพจิต จะทำการเฝ้าระวังเป็นพิเศษในเรื่องของความโศกเศร้า เนื่องจากการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของจ่าเอกสมาน เป็นความสูญเสียของคนไทยทุกคน ซึ่งความรู้สึกอาลัยต่อการสูญเสียของคนหมู่มาก อาจเหนี่ยวนำให้เกิดความโศกเศร้าที่แพร่ถึงกันได้

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า อีกด้านหนึ่งของความสูญเสียจ่าเอกสมาน กุนัน นั้น คือ ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะวีรกรรมและคุณความดีของจ่าเอกสมานเป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ เป็นตัวอย่างของการทำความดีเพื่อผู้อื่นอย่างเต็มความสามารถโดยไม่คิดถึงแม้ตนเอง จ่าเอกสมานถือเป็นสัญลักษณ์ของจิตอาสา เป็นผู้ที่สร้างความผาสุกทางจิตใจให้คนอื่นในยามที่เกิดภาวะคับขัน หรือเกิดวิกฤตการณ์ ภัยพิบัติต่างๆ จึงอยากให้ประชาชนชาวไทยร่วมกันแปรเปลี่ยนความเศร้าโศกหรือความอาลัยต่อการจากไปของจ่าเอกสมาน ให้เป็นพลังในการทำความดี เป็นพลังของจิตอาสาที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยไม่มีการแบ่งกั้น ยิ่งห่วงหามากเท่าใด ก็จะยิ่งทำความดีไปกว่านั้น จะช่วยเยียวยาให้พ้นจากความเศร้าโศกและความอาลัยได้ ถือเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของตนเองและครอบครัวด้วย จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งน้ำใจ ผู้คนมีมิตรไมตรีต่อกันอย่างยั่งยืน

...

ทางด้านนายแพทย์ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในมุมมองของจิตแพทย์ ความเศร้าโศกจากการสูญเสียนับเป็นภาวะวิกฤติทางจิตใจอย่างหนึ่ง ขณะเดียวกันก็สามารถพลิกฟื้นภาวะวิกฤติให้เป็นพลังได้เช่นกัน โดยการผันตัวเองมาเป็นผู้ร่วมกอบกู้วิกฤติ ซึ่งทำได้โดยการเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น เกิดเป็นความภาคภูมิใจถือเป็นการเยียวยาจิตใจตนเองที่ดีและยั่งยืน อีกทั้งเกิดการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น โดยจะได้ผลดีที่สุดเมื่อการช่วยเหลือนั้นไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน คำชมเชย และช่วยเหลือโดยไม่มีการแบ่งแยก

ทั้งนี้ การเป็นจิตอาสา ควรเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็กซึ่งเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ ไม่ต้องรอให้เป็นผู้ใหญ่เสียก่อน การเป็นจิตอาสาจะเป็นการบ่มเพาะความงอกงามทางจิตใจของเด็ก (Personal Growth) เสริมสร้างให้เกิดคุณธรรม และจริยธรรม เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีมุมมองโลกในแง่บวก ช่วยเหลือสังคม สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยในยุค 4.0 ได้อย่างมีความสุข และช่วยให้ประเทศเจริญก้าวหน้า จึงขอแนะนำให้พ่อแม่ใช้โอกาสช่วงที่สังคมไทยและทั่วโลกกล่าวขานยกย่องจ่าเอกสมาน กุนัน เป็นวีรบุรุษถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ช่วยทีมหมูป่า 13 ชีวิตออกมาจากถ้ำอย่างปลอดภัย สอนลูกหลาน โดยยกเอาภาพของจ่าเอกสมาน ที่เห็นตามสื่อ เป็นภาพสัญลักษณ์ของการทำความดีเพื่อผู้อื่น และควรสอนด้วยการลงมือพาเด็กทำจริง ปฏิบัติไปพร้อมๆ กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา เพราะการสอนคุณธรรม จริยธรรมโดยตรงให้แก่เด็กนั้น เด็กอาจยังไม่เข้าใจเนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นนามธรรม ไม่มีตัวตนให้เห็น นายแพทย์ณัฐกร กล่าว