สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้ยังคงอยู่กับประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการโพสต์จำหน่ายเสื้อผ้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook Instagram หรือ LINE เป็นต้น แต่ต่อมาถูกล่อซื้อเสื้อผ้าที่โพสต์จำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว กระทั่งได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน เพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ลายผ้า ประกอบพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และมีการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้เป็นเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ลายผ้าดังกล่าว โดยเรียกร้องเงินค่าเสียหายตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 25,000 บาท สร้างความเสียหายให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ได้ส่วนต่างจากการขายเพียง 10-50 บาทต่อชิ้นเท่านั้น เท่าที่ทราบผู้ที่ได้รับหมายเรียกดังกล่าว ได้รวมตัวกันประมาณเกือบ 30 คน (ทนายเจมส์ : เตือนภัยแม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์)

สัปดาห์นี้จึงขอรายงานความคืบหน้าของคดีนี้ เป็นความโชคดีของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างมากที่ได้รับความกรุณาจาก ร.ต.อ.อธิกภพ จันทร์โสดา พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท ที่ช่วยเจรจากับผู้เสียหาย ทำให้คู่กรณีได้ปรับความเข้าใจกันและยอมถอนแจ้งความไปแล้วบางส่วน สร้างความดีใจให้กับผู้ต้องหาหลายรายที่ได้รับความเป็นธรรม โดยผู้ต้องหาจะต้องแสดงพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เบื้องต้นดังนี้

1. หลักฐานแสดงการสั่งซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้า เพจ Facebook หรือเว็บไซต์ เช่น ข้อความสนทนา หรือใบสั่งสินค้า
2. หลักฐานการชำระเงินค่าเสื้อผ้าให้แก่ร้านค้า เพจ Facebook หรือเว็บไซต์
3. หลักฐานข้อความสนทนาสั่งซื้อเสื้อผ้าจากผู้ล่อซื้อ
4. ภาพตัวอย่างเสื้อผ้าที่ได้ขายจากการล่อซื้อ เพื่อนำมาเทียบกับลายผ้าของผู้เสียหายว่าตรงกันหรือไม่ 
5. หลักฐานการส่งเสื้อผ้า เช่น ภาพกล่องหรือซองที่บรรจุเสื้อผ้า หรือ หมายเลขอีเอ็มเอส หรือเลขที่ไปรษณีย์ลงทะเบียน ทั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ส่งเสื้อผ้าของกลาง

...

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนนอกจากมีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้กระทำความผิดแล้ว ยังมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิด เท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา เพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา

ปัญหาที่พบได้บ่อยๆ คือ ส่วนใหญ่ผู้ต้องหาไม่รู้กฎหมาย ไม่ทราบถึงสิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาญา จึงไม่ได้ให้ข้อเท็จจริง เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา หรือไม่นำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนจึงปรากฏพยานหลักฐานเฉพาะของผู้กล่าวหาเท่านั้น ทำให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจำเป็นต้องมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานของผู้กล่าวหาในสำนวน ทำให้ผู้ต้องหาต้องตกเป็นจำเลย และจะต้องหาเงินมาเพื่อประกันตัว หรือขอปล่อยตัวชั่วคราว ดังนั้น หากท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ควรจะนำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้ชั่งน้ำหนักพยานของฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา ท่านจะได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด

สุดท้ายนี้อยากขอให้ทุกท่านตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าหรือเสื้อผ้าที่ท่านจะนำมาจำหน่ายนั้น มิได้เป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือ เครื่องหมายการค้า เพื่อป้องกันปัญหาคดีความที่จะเกิดกับท่านในอนาคต ขอขอบพระคุณสื่อไทยรัฐออนไลน์ และ ร.ต.อ.อธิกภพ จันทร์โสดา พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท ที่ช่วยคลี่คลายคดีนี้ให้จบลงด้วยดี ตลอดจนขอขอบพระคุณผู้เสียหายที่เปิดใจยอมรับฟังข้อเท็จจริงจากอีกฝ่ายครับ

สำหรับผู้ที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลล์มาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK ได้เลย