สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเข้าจับกุมบุคคลตามหมายจับ ซึ่งมีปัญหากันบ่อยๆ จนอาจจะเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าพนักงานกับประชาชน เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดีในข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ตามมาอีกหนึ่งคดี
ส่วนใหญ่การจับกุมบุคคลตามหมายจับในที่สาธารณะมักจะไม่มีปัญหาครับ เนื่องจากไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามจับบุคคลตามหมายจับในที่สาธารณะ แต่กรณีที่เจ้าพนักงานเข้าจับกุมบุคคลในที่รโหฐานหรือภายในบ้าน มักจะทำให้เกิดความสับสนเกิดขึ้นบ่อยๆ เกี่ยวกับอำนาจการเข้ามาภายในที่รโหฐานหรือภายในบ้าน เพื่อทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับ
คำถามยอดฮิตที่ประชาชนมักจะถามเจ้าพนักงานที่เข้าทำการจับกุมบุคคลในที่รโหฐานหรือภายในบ้าน คือ เจ้าพนักงานมีหมายค้นหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายวางหลักไว้ว่า หากบุคคลตามหมายจับเป็นเจ้าบ้าน เจ้าพนักงานไม่จำเป็นต้องมีหมายค้น เจ้าพนักงานก็สามารถเข้าจับกุมบุคคลตามหมายจับในที่รโหฐานหรือภายในบ้านได้ โดยอาศัยหลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 81 ประกอบมาตรา 92 (5)
ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 81 วางหลักว่า ไม่ว่าจะมีหมายจับหรือไม่ก็ตาม ห้ามมิให้จับในที่รโหฐาน เว้นแต่จะได้ทำตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยการค้นในที่รโหฐาน
มาตรา 92 ห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาล เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้น และในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในที่รโหฐาน หรือมีเสียงหรือพฤติการณ์อื่นใดอันแสดงได้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในที่รโหฐานนั้น
...
(2) เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้ากำลังกระทำลงในที่รโหฐาน
(3) เมื่อบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไปหรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่า ได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้น
(4) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้น ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสียก่อน
(5) เมื่อที่รโหฐานนั้นผู้จะต้องถูกจับเป็นเจ้าบ้าน และการจับนั้นมีหมายจับหรือจับตามมาตรา 78
ในบางกรณีเจ้าพนักงานจะเข้าทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับ โดยบุคคลตามหมายจับนั้น มีฐานะเป็นเพียงผู้อาศัยในที่รโหฐาน หรือภายในบ้านเท่านั้น กรณีนี้เจ้าพนักงานจะสามารถเข้าทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับได้ ก็ต่อเมื่อเจ้าบ้านให้ความยินยอม หรือเป็นกรณีที่มีการกระทำความผิดซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(2)
เทียบเคียง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2546
เจ้าพนักงานตำรวจได้ขอความยินยอมจาก น. มารดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุก่อนทำการค้น แสดงว่าการค้นกระทำขึ้นโดยอาศัยอำนาจความยินยอมของ น. แม้การค้นจะกระทำโดยไม่มีหมายค้นที่ออกโดยศาลอนุญาตให้ค้นได้ ก็หาได้เป็นการค้นโดยมิชอบไม่ นอกจากนี้ก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินการค้นได้เห็นจำเลยซึ่งอยู่ในห้องนอนโยนเมทแอมเฟตามีนออกไปนอกหน้าต่าง อันเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยกำลังกระทำความผิดซึ่งหน้า และได้กระทำลงในที่รโหฐาน เจ้าพนักงานตำรวจย่อมมีอำนาจจับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 (1), 92 (2) เมทแอมเฟตามีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จึงนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยได้
จากหลักกฎหมายและคำพิพากษาฎีกาตัวอย่างจะเห็นได้ว่า กฎหมายมีการกำหนดอำนาจของเจ้าพนักงานไว้เป็นอย่างดีแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ดังนั้น เมื่อเจ้าบ้านไม่ยินยอมให้เจ้าพนักงานเข้าตรวจค้น โดยไม่มีหมายค้น เจ้าพนักงานจะต้องไปขอหมายค้นจากศาลก่อนจึงจะทำการค้นได้ และในบางกรณีกฎหมายก็ให้อำนาจเจ้าพนักงานสามารถเข้าระงับเหตุร้าย หรือปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์เร่งด่วนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่ต้องไปขอหมายค้นจากศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92 (1)-(5) ข้างต้น
ดังนั้น ท่านผู้อ่านควรจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องของการจับหรือการค้นโดยไม่มีหมายด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวท่านเอง เนื่องจากการห้ามมิให้เจ้าพนักงานเข้าไปในบ้านหรือที่รโหฐาน เพื่อจับบุคคลตามหมายจับ อาจจะเข้าข่ายเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 ได้ และหากมีการทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 และ 296 หรือมาตรา 297 และ 298 แล้วแต่กรณี
...
สำหรับผู้ที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK ได้เลย