สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการถูกโคลนนิ่ง แอปพลิเคชัน LINE เรียกได้ว่า ถ้าท่านถูกโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน LINE ไปแล้ว ท่านจะไม่สามารถใช้โปรแกรม LINE ได้อีกและมิจฉาชีพจะสวมรอยใช้แอปพลิเคชัน LINE แทนท่าน พูดคุยกับเพื่อนของท่านในแอปพลิเคชัน LINE เสมือนหนึ่งเป็นตัวของท่านเอง
สุดท้ายก็จะมีการขอให้โอนเงินให้แก่บัญชีธนาคารต่างๆ ที่มิจฉาชีพส่งข้อมูลไปให้ในข้อความกล่อง LINE กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก เพื่อนในกลุ่ม LINE ก็โอนเงินไปแล้ว นับ 100,000 บาท ซึ่งการโคลนนิ่ง LINE ก็คือการขโมย LINE ของท่านไปใช้ ทำให้ท่านไม่สามารถใช้โปรแกรม LINE ได้อีก บรรดาข้อความที่เคยสนทนากันไว้ในแอปพลิเคชัน LINE จะถูกโอนย้ายไปที่แอปพลิเคชัน LINE ที่มิจฉาชีพขโมยไปทั้งหมด ทำให้มิจฉาชีพสามารถดูข้อความบทสนทนาย้อนหลัง หรือรู้ลักษณะนิสัย การใช้ภาษาของท่านกับคู่สนทนาได้หมด
สิ่งที่ทำให้เกิดประเด็นข้อสงสัย คือ การลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน LINE ในโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่น หรือโน้ตบุ๊ก หรือคอมพิวเตอร์พีซี หรือ iPad จะมีการส่งรหัสเข้าไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของบัญชีผู้ใช้แอปพลิเคชัน LINE ซึ่งจะต้องกดรหัสยืนยันเข้าไปในแอปพลิเคชัน LINE ด้วย จึงจะทำให้สามารถใช้แอปพลิเคชัน LINE ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องอื่นได้ ปัจจุบันผมเองก็ยังไม่ทราบว่าเหตุใดมิจฉาชีพจึงสามารถทราบรหัสที่แอปพลิเคชัน LINE ส่งเข้าไปในโทรศัพท์มือถือของเจ้าของแอปพลิเคชัน LINE ที่แท้จริงได้

...
การกระทำในลักษณะนี้จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไป ซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูก หลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทําให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทํา ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทําความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ประกอบกับมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 “ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา....”
ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง (1) มิได้กระทําต่อประชาชน แต่เป็นการกระทําต่อบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ผู้กระทํา ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้
จากเหตุการณ์นี้จึงเป็นอุทาหรณ์ที่ทำให้ทราบว่า การสนทนาผ่านแอปพลิเคชัน โดยขอให้โอนเงิน เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และสุ่มเสี่ยงต่อการที่ท่านจะถูกหลอกให้โอนเงิน เบื้องต้นจึงควรปฏิบัติ ดังนี้
1. ควรสนทนาด้วยกันใช้เสียง หรือเปิดวิดีโอคอล ก่อนทำการโอนเงิน จึงเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นได้ในระดับหนึ่งครับ ว่าเป็นบุคคลที่คุณต้องการช่วยเหลือจริงหรือไม่
2. ตรวจสอบบัญชี LINE อย่างสม่ำเสมอว่ามีการลงทะเบียนอีเมล ซึ่งไม่ใช่อีเมลของคุณไว้หรือไม่
3. ไม่ควรอนุญาตให้เข้าสู่ระบบ LINE ในเวอร์ชั่นอื่นๆ เช่น คอมพิวเตอร์พีซี คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก iPad หรือ iPhone เป็นต้น
4. ตรวจสอบว่ามีการเข้าสู่ระบบ LINE ในอุปกรณ์อื่นๆ หรือไม่ อย่างสม่ำเสมอ
สำหรับผู้ที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK ได้เลย