ภายหลังจาก "ไทยรัฐ" นำเสนอปัญหาเถาวัลย์ รุกรานป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งตั้งคณะกรรมการแบบบูรณาการเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อวิจัยและดำเนินการในรูปแบบใหม่ เพราะยังไม่เคยมีการทำมาก่อนในโลก กระทั่งล่าสุดนักวิชาการทีมปราบเถาวัลย์ได้เข้าพื้นที่ป่าเพื่อตรวจสอบและพบว่ามีเถาวัลย์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของป่า ซึ่งมากกว่าที่คาดคิดไว้ในครั้งแรก ตามข่าวที่ได้เสนอมาตามลำดับ

สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ทีมข่าวเฉพาะกิจภูมิภาค "ไทยรัฐ" รายงานเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ว่า นายสุรพล นาคนคร นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จ.เพชรบุรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานปราบเถาวัลย์ ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักวิจัยของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ระดมนักวิชาการจากทุกสาขาลงพื้นที่ในการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบของเถาวัลย์รุกรานในผืนป่าแก่งกระจานเป็นสิ่งที่ดี แต่อยากเสนอว่าการศึกษาวิจัยในพื้นที่ดังกล่าว ไม่ควรต้องรอจนผลการศึกษาวิจัยเสร็จสิ้นจึงค่อยเริ่มต้นคิดแก้ไขปัญหา เพราะเบื้องต้นทุกคนเข้าใจถึงปัญหาหลักแล้วว่าได้เกิดความเสียหายอย่างไร ทั้งต้นไม้ตาย สัตว์ป่าไม่มีแหล่งอาศัย ไม่มีแหล่งอาหาร ดังนั้น ควรคิดหาแนวทางแก้ไขและป้องกันเพิ่มเติมโดยทำควบคู่กันไป เช่น เราทราบแล้วว่าเถาวัลย์ชนิดที่รุกรานคือกลุ่มตระกูลถั่วที่โตเร็วและกระจายพันธุ์เร็ว อีกทั้งล่าสุดกระจายออกไปนอกพื้นที่ป่าเข้าสู่ชุมชนแล้ว ดังนั้น ต้องรีบบล็อกพื้นที่ หรือที่เรียกว่า "บัฟเฟอร์โซน" เพื่อไม่ให้เถาวัลย์กลุ่มนี้กระจายตัวสร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อไปอีก

นายสุรพลเผยต่อว่า  สำหรับในส่วนที่ทำให้ต้นไม้ตาย หรือกีดขวางทางเดินและแหล่งอาหารของสัตว์ป่า ส่วนนี้ต้องช่วยเหลือทันที ไม่ต้องรอจนได้ผลการศึกษาวิจัยออกมาแล้วค่อยดำเนินการ  เพราะส่วนนี้มีผลการวิจัยเรื่องนี้ในหลายประเทศออกมาชัดเจนแล้ว สำหรับผลที่ได้

จากการศึกษาวิจัยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะศึกษาในพื้นที่จริง ที่สำคัญจะต้องเผยแพร่ผลการวิจัยควบคู่กันไปด้วย เพราะขณะทดลองภาพที่เห็นมันจะเป็นเครื่องชี้ชัดว่า ภายใต้เถาวัลย์ที่ขึ้นปกคลุมต้นไม้ มันมีอะไรซุกซ่อนอยู่ หากเผยแพร่ออกมาเพียงเท่านี้จะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและพื้นที่อื่นๆได้ เพราะหากชาวบ้านพบว่ามีเถาวัลย์ตระกูลนี้ในพื้นที่  พวกเขาจะได้ดูแลได้ทันทีโดยไม่ปล่อยให้แพร่กระจาย   นอกจากนี้ในส่วนของผืนป่าแก่งกระจาน   มีชุดรับผิดชอบแล้ว แต่นอกพื้นที่ป่ายังไม่มีผู้รับผิดชอบ เช่น  การรุกรานริมถนนหลวง สายไฟฟ้า ส่วนนี้หากผู้รับผิดชอบเข้าใจพวกเขาจะได้ดำเนินการตัดสางทิ้งได้ทันที เพราะไม่ต้องระวังเรื่องระบบนิเวศวิทยา สำหรับฝูงเถาวัลย์ทั้งแก้วมือไว หนามหัน และอีกหลายชนิด ต้องควบคุมให้มีปริมาณที่พอเหมาะต่อระบบนิเวศวิทยาของป่า   ซึ่งจะต้องอยู่ในระบบพึ่งพิง

อย่างไรก็ตาม นายสุรพลกล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาตนขอชมเชยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่เป็นคนช่างสังเกตมีความใส่ใจในความรับผิดชอบของหน้าที่ เพราะคนเป็นหัวหน้าอุทยาน ไม่ได้มีหน้าที่เฝ้าป่าเพียงอย่างเดียว การสังเกตเห็นและค้นพบปัญหาจนนำมาสู่การศึกษาวิจัยและป้องกัน หรือดำเนินการแก้ไขครั้งนี้ ถือเป็นผลงานทรงคุณค่าที่ข้าราชการควรเอาเป็นแบบอย่าง.

...