เมื่อเร็วๆนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ในประเทศอังกฤษ ได้รายงานลงวารสารเวชศาสตร์การกีฬา ถึงการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมชายสูงวัย ที่อาจเผชิญกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรหากละเลยการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายอาจเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตอยู่ จากการประเมินระดับกิจกรรมของกลุ่มชายสูงวัย 1,655 รายอายุระหว่าง 71–92 ปี ที่สวมใส่เครื่องวัดความเร่งใน 1 สัปดาห์ โดยในจำนวนนี้มีกลุ่มย่อย 1,274 ราย ที่ไม่เป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งต้องสวมเครื่องวัดความเร่งตามคำสั่งเช่นกัน และกลุ่มนี้มักใช้เวลานั่งเฉลี่ย 616 นาที ทำกิจกรรมเบาๆ 199 นาทีและอีก 40 นาที เป็นการออกกำลังกายระดับปานกลางถึงหนัก
ผลการประเมินพบว่าการทำกิจกรรมระดับปานกลางหรือแบบหนักมีแนวโน้มที่ดีสำหรับชายสูงวัย เพราะกิจกรรมดังกล่าวทำให้หัวใจเต้นได้เร็วขึ้น และพบว่ามีโอกาสเสียชีวิตน้อยลงราว 40% เมื่อออกกำลังกายในระดับปานกลางถึงหนักประมาณ 150 นาที ในแต่ละสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การวิจัยนี้ไม่ได้เป็นการทดลองแบบควบคุมหรือออกแบบมาเพื่อพิสูจน์ว่าการออกกำลังกายของผู้ชายมีผลกระทบต่ออายุขัย และเครื่องวัดความเร่งที่ใช้ในการวิจัยก็ไม่ได้แยกแยะผลต่อสุขภาพที่แตกต่างกันของการยืนกับการนั่ง แต่ชี้ให้เห็นว่าการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นแบบใดนั้น ย่อมดีกว่าไม่ยอมออกกำลังกายเลย แม้ว่าจะเดินเพียง 1 นาที หรือ 10 นาที ก็เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดน้ำหนัก ลดไตรกลีเซอไรด์ และไขมันไม่ดี ทั้งยังช่วยกระตุ้นการปล่อยสารเคมีในสมองมีผลต่อสุขภาพของเซลล์สมองและการเจริญเติบโตของหลอดเลือดใหม่ในสมอง.