ทำไมมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลีในอัตรา 3 : 1 นำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน ราคา กก.ละ 8 บาท เพื่อช่วยเกษตรกรขายข้าวโพดได้ราคา...ถึงไม่ได้ผล
ซ้ำร้ายเกษตรกรภาคปศุสัตว์ต้องเดือดร้อนจากต้นทุนแพงขึ้น ด้วยข้าวโพดถูกปั่นราคาให้สูงขึ้นมาตลอด เกินกว่าราคากำหนด กก.ละ 8 บาท ...สัปดาห์ก่อนอยู่ที่ กก.ละ 10.15 บาท สัปดาห์นี้ 10.50 บาท และมีแนวโน้มจะขึ้นไปอีก
แต่ราคาที่ถีบตัวสูงขึ้น ไม่ได้ตกถึงมือเกษตรกรปลูกข้าวโพด
นับเป็นเรื่องแปลก มีประเด็นให้ขบคิดหลายประการ...หนึ่งนั้น บ้านเราปลูกข้าวโพดไม่พอต่อการใช้ในประเทศ สินค้าไม่ได้ล้นตลาดเหมือนพืชตัวอื่น แต่ทำไมเกษตรกรถึงขายไม่ได้ราคา
อีกหนึ่ง นับแต่กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลีมาใช้ทดแทนข้าวโพดบางส่วน ทำมา 2 ฤดูกาลผลิต (2559-60) สถิติสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา ตกต่ำกว่าเดิม
ก่อนมีมาตรการเกษตรกรขายได้เฉลี่ย กก.ละ 7.69 บาท...พอมีมาตรการได้แค่ 6.18 บาท
ที่แปลกยิ่งกว่า เกษตรกรได้ราคาแย่กว่าเดิม แต่ทำไมถึงไร้ม็อบ...รึผู้บัญชาการม็อบสมประโยชน์ ถึงเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปรากฏการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นต้นตอของปัญหาหรือไม่...ข้าวโพดรุกป่าเกิดจากอะไร ใครเอาเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา ไปปล่อยเกี๊ยว ปลูกไปก่อน แล้วค่อยนำผลผลิตมาผ่อนหักจ่ายหนี้ทีหลัง
ข้าวโพดที่ปลูกจริงๆแล้วเป็นของใคร...เกษตรกรที่ถูกเขาเอามาอ้างว่าเดือดร้อนจากราคาตกต่ำ เป็นเพียงแค่ผู้รับจ้างปลูกใช้หนี้เกี๊ยว ในราคาตามกลไกตลาดหรือเปล่า
ด้วยการผลิตผูกขาดแบบนี้ใช่ไหม ข้าวโพดขาดตลาด ราคาขาย ณ ไร่ ถึงได้ตกต่ำสวนกลไกตลาด และแค่รัฐออกนโยบายควบคุมการนำเข้าวัตถุอย่างอื่นมาทดแทน...การผูกขาดเลยสมบูรณ์ครบวงจร
...
ช่วยให้ข้าวโพดที่มีคนตุนไว้ 1 ล้านตัน ถูกปั่นจาก กก.ละ 8 บาท ขึ้นไปเป็น 10.50 บาท รวยทันใด 2,500 ล้านบาท...ม็อบเลยเงียบ.
สะ–เล–เต