ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พบกันอีกเหมือนเดิมกับพระมหาสมปอง เจ้าเก่าเจ้าเดิม แต่สิ่งที่จะเพิ่มเติมคือธรรมะ มีโยมหลายท่านแวะเวียนไปหาอาตมาที่วัด มีทั้งไปด้วยรอยยิ้ม มีทั้งคราบน้ำตา คนที่มาด้วยรอยยิ้ม คือคนที่มีความสุขในชีวิต ย้ำนะโยม คนที่มีความสุข ไม่ใช่คนที่ไม่มีปัญหาในชีวิตนะ แต่เป็นคนที่รู้จักวิธีจัดการกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตไปอย่างถูกต้อง ยกตัวอย่างง่ายๆ คนที่เงินเดือนไม่มาก ถ้าเราจัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้องคือ ต้องรู้จักประหยัด ควบคุมค่าใช้จ่าย และหารายได้เสริม

ตรงข้ามบางคนมีปัญหาเรื่องเดียวกัน กลุ้มใจเป็นทุกข์ ทำไงดี กินเหล้าแก้กลุ้ม แบบนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการเพิ่มปัญหา ความสุข และความทุกข์นั้นมีกันทุกคน อยู่ที่ว่า เราจะจัดการสุขทุกข์ที่เกิดขึ้นด้วยวิธีใด

มีโยมหลายท่านถามอาตมาว่า หลวงพี่ค่ะดูเหมือนว่า ตอนนี้บ้านเมืองเรากำลังอยู่ในสภาวการณ์ของความทุกข์เข้าครอบงำ เพราะมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เอาข่าวใหญ่ๆ เรื่องหวย 30 ล้าน ตอนนี้ก็อลวนไปหมด เรื่องเจ้าสัวไปล่าสัตว์ป่า

โยมทั้งหลาย อาตมาว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ว่าเป็นเรื่องธรรมดา คนเรามีความแตกต่างกัน จะให้คนเป็นคนดีทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราจะทำอย่างไรที่จะให้มีคนดีมากกว่าคนชั่ว เพื่อที่คนดีจะได้เป็นหูเป็นตาให้กับสังคม และคนดีก็จะคอยช่วยแนะนำคนที่ไม่ดี ให้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น

หลายคนท่านถามว่า หลวงพี่ค่ะ เวรกรรมมีจริงไหม เอาอย่างนี้แล้วกัน โยมเห็นคนหนึ่งเดินมาก็ปรี่เข้าไปตบหน้าเขาอย่างจัง โยมคิดว่าจะเป็นอย่างไร แน่นอน เขาก็ต้องตบตอบ หรือไม่เขาก็ไปแจ้งความ

กรรมที่ทันตาคือ ถูกตบกลับ กรรมที่ให้ผลช้ามาอีกนิดคือ ถูกดำเนินคดีในโทษการทำร้ายร่างกายคนอื่น พูดง่ายๆ แบบโยมคงจะเข้าใจง่ายขึ้น

...

โยมหลายท่านคงสงสัยอีกว่า คนทำดี ทำไมผลของความดีจะไม่ให้ผล เหมือนกันคนทำชั่วบางคน ผลของความชั่วก็ยังไม่ตอบสนองเขาเลย แถมเขายังใช้ชีวิตแบบสุขสบาย

เอาอย่างนี้แล้วกัน โยมคิดว่าเขาสุขสบายใช่ไหม ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง ชีวิตภายนอกอาจจะสุขสบาย แต่จิตใจของเขาอาจจะเต็มไปด้วยความทุกข์ก็ได้

โยมไม่ต้องกลัวเรื่องว่า ทำไมคนนี้จึงไม่รับกรรมที่เขาทำไว้ เรื่องกฎแห่งกรรมในพุทธศาสนาอาตมาเคยพูดมาบ้างแล้ว ถ้าโยมยังสงสัยอาตมาขอเพิ่มเติมแล้วกัน

คำว่ากรรม คือ การกระทำ มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว และกรรมให้ผลดังนี้คือ

กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่ มี 4 อย่าง คือ

1. ชนกกรรม กรรมพาให้เกิด ให้เกิดทั้งดีและชั่ว รวยและจน

2. อุปัตถัมภกกรรม กรรมสนับสนุนหรืออุปถัมภ์ ทั้งทางดีและชั่ว

3. อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้นหรือเบียดเบียน เป็นกรรมที่คอยขัดขวาง ทั้งทางดีและทางชั่ว


4. อุปฆาตกรรม กรรมตัดรอน

กรรมที่ให้ผลตามแรงหนักเบา มี 4 อย่าง คือ

1. ครุกรรม กรรมหนัก

2. พหุกรรม หรือ อาจิณกรรม กรรมที่ทำจนเคยชิน


3. อาสันกรรม หรือ ยาสันนกรรม กรรมเมื่อจวนเจียนจะตาย ระลึกเมื่อก่อนตาย


4. กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม กรรมสักแต่ว่าทำ (ทำโดยไม่มีเจตนา)

กรรมที่ให้ผลตามกาล มี 4 อย่าง คือ

1. ทิฏฐฏธรรมเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาตินี้

2. อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า

3. อปราปรเวทนียกรรม หรือ อปรปริยายเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไป

4. อโหสิกรรม กรรมที่ให้ผลเสร็จแล้ว (เลิกให้ผล)

ที่โยมเห็นว่า คนทำชั่วยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข เพราะว่า กรรมดีที่เขาเคยทำไว้มันยังสนับสนุนเขาอยู่

เมื่อพูดถึงความดี หรือ สามัญสำนึกในทางที่ดี เราควรจะมีเวลาไหน อาตมาขอให้บทสนทนานี้ตอบคำถามโยมแล้วกัน

เช้าวันหนึ่ง สองพ่อลูกไปเที่ยวเขาใหญ่ ทั้งสองต่างเดินชมนกชมไม้อย่างมีความสุข ลูกชายตื่นเต้นมาก เห็นทั้งช้าง ทั้งกวาง ทั้งลิง และสัตว์อื่นมากมาย จนทั้งสองพ่อลูกมาถึงจุดชมวิวแห่งหนึ่ง พ่อลูกก็มองดูวิวไปพร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด แล้วลูกชายก็ถามพ่อขึ้นว่า

ลูก…พ่อ พ่อ พ่อครับ พ่อว่าโดดลงไปจะตายมั้ยครับ

พ่อ…. ไม่รู้สิลูก พ่อไม่เคยโดดลงไปสักที

ลูก…. พ่อไม่กล้าโดดลงไปเหรอครับ

พ่อ….เปล่าหรอกลูก

ลูก…..ทำไมพ่อไม่ลองโดดลงไปล่ะครับ

พ่อ….พ่อกลัวน่ะ...

ลูก…. ลูกก็ร้องขึ้นว่าอ้าว...??? มันต่างกันตรงไหนละพ่อ

พ่อ…ก็ตอบว่า ความกล้าเอาไว้ใช้ตอนทำความดี ความกลัวเอาไว้ใช้ตอนไหนที่กำลังจะทำความชั่ว


"จำไว้นะลูกนะ"