สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีข่าวใหญ่ข่าวดังให้ติดตามหลายข่าว แต่ที่น่าสนใจมีอยู่สองข่าว ที่ได้นำคลิปเสียงในการสนทนามาใช้อ้าง เพื่อเป็นหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหา หรือ ใช้อ้าง เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์หรือสนับสนุนข้อต่อสู้ของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ทำให้ทั้งสองคดีมีผู้คนจำนวนมากติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก มีพยาน มีหลักฐานใหม่ๆ ออกมาตามสื่อมวลชน ยิ่งทำให้ข่าวน่าติดตามมากยิ่งขึ้น

ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการแอบบันทึกเสียงหรือบันทึกภาพและเสียงในขณะที่มีการสนทนากันนั้น จะสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในศาลได้มากน้อยเพียงใด  

พิจารณาจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา วางหลักไว้ว่า พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคล ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ ให้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226  

ดังนั้น การแอบบันทึกเทป บันทึกภาพเคลื่อนไหว หรือบันทึกเสียงในขณะที่มีการสนทนากัน โดยที่อีกฝ่ายไม่ทราบมาก่อน จึงเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับฟังเป็นพยานนั้นตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 แม้หลักกฎหมายดังกล่าวจะใช้ตัดพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน มิให้เจ้าพนักงานของรัฐใช้วิธีการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบก็ตาม  

แต่หลักกฎหมายดังกล่าว นำมาใช้บังคับเฉพาะกรณีเจ้าพนักงานของรัฐที่แอบบันทึกเทป บันทึกภาพเคลื่อนไหว หรือบันทึกเสียงเท่านั้น ส่วนในกรณีที่ประชาชนแอบบันทึกภาพ บันทึกภาพเคลื่อนไหวและเสียง หรือบันทึกเสียงอย่างเดียว ประชาชนยังสามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้ ไม่ถือว่าเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ 

...

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้นที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เปิดช่องให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานอันเนื่องมาจากการกระทำโดยมิชอบ หรือเป็นพยานหลักฐานที่ได้มา โดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้น หรือได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หากการรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสีย อันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา หรือสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน 

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 

มาตรา 226/1 ในกรณีที่ความปรากฏแก่ศาลว่า พยานหลักฐานใดเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยชอบ แต่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ หรือเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้น เว้นแต่การรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสีย อันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา หรือสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน 

ในการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้ด้วย 

(1) คุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสำคัญ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น 

(2) พฤติการณ์และความร้ายแรงของความผิดในคดี 

(3) ลักษณะและความเสียหายที่เกิดจากการกระทำโดยมิชอบ 

(4) ผู้ที่กระทำการโดยมิชอบอันเป็นเหตุให้ได้พยานหลักฐานมานั้นได้รับการลงโทษหรือไม่เพียงใด 

มีตัวอย่างคดีที่เกิดขึ้นจริงและมีคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในเรื่องของการแอบบันทึกเทปขณะมีการสนทนากันที่น่าศึกษา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2555 

การแอบบันทึกเทปขณะที่มีการสนทนากันระหว่างโจทก์ร่วมกับพยานและจำเลยที่ 2 โดยที่โจทก์ร่วมและพยานไม่ทราบมาก่อน เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบห้ามมิให้ศาลรับฟังเป็นพยานนั้นตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 แม้หลักกฎหมายดังกล่าวจะใช้ตัดพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนมิให้เจ้าพนักงานของรัฐใช้วิธีการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ แต่ ป.วิ.อ. มาตรา 226 ไม่ได้บัญญัติห้ามไม่ให้นำไปใช้กับการแสวงหาพยานหลักฐานของบุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม ระหว่างพิจารณาคดีได้มี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 โดยมาตรา 11 บัญญัติให้เพิ่มมาตรา 226/1 ป.วิ.อ. กำหนดให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบได้ ถ้าพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา ศาลจึงนำบันทึกเทปดังกล่าวมารับฟังได้ 

...

สุดท้ายนี้ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับประชาชนทุกท่าน กฎหมายย่อมคุ้มครองทุกคนในสังคมเสมอครับ ขอแค่ให้ท่านมีสติในขณะที่ถูกกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิ และใช้โทรศัพท์มือถือของท่านเอง บันทึกภาพและ/หรือเสียง เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานแสดงต่อศาลหรือพนักงานสอบสวนในอนาคตต่อไป 

สำหรับผู้ที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย และต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com  หรือ Facebook: ทนายเจมส์ LK ได้เลย