กระแสเข้าป่ากำลังมาแรง...ยิ่งมีข่าวคนใหญ่เข้าป่าไปศึกษาสัมผัสธรรมชาติเฉยๆให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่โดนจับพร้อมของกลางซากสัตว์ป่า ปืนล่าสัตว์ ฯลฯ ก็ยิ่งดึงดูดให้น่าสนใจ

กาง “คู่มือเดินป่า” ฉบับออนไลน์ เว็บไซต์ http://www.healthsome.com ระบุว่า การเดินป่าเป็นการชาร์จแบตให้กับตัวเอง งานวิจัย...บันทึกหลายฉบับพบว่าธรรมชาติสีเขียวจะช่วยผ่อนคลายความเครียดทางจิตใจ ช่วยฟื้นฟูสมาธิ ได้ออกกำลังกาย ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ และได้ความสนุกตรงที่เป็นการผจญภัยอย่างหนึ่ง

การเตรียมตัวก่อนเข้าป่าในเบื้องต้น โบราณว่า...คืบก็ป่า ศอกก็ป่านั้นหมายถึงว่าหลายอย่างในป่าพลาดแล้วย้อนกลับไม่ได้ ในป่าไม่มีร้านขายของ ไม่มีบ้านคนให้ความช่วยเหลือ จึงควรเตรียมพร้อม และไม่ประมาท

ควรใช้เวลา 1 สัปดาห์เพื่อหาซื้ออาหาร เตรียมอาหาร ชาร์จแบตเตอรี่ อุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมก่อนเพราะไม่ได้มีขายตามร้านค้าทั่วไป แล้วก็อย่าลืมศึกษาแผนที่...เดี๋ยวจะหลงป่าเอาง่ายๆเมื่อถึงเวลาเข้าป่าจริงๆ

ประเด็นสำคัญก็คือต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม เข้าป่าต้องใช้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายหยุดพักไม่ได้เลย ควรมีร่างกายที่สมบูรณ์ไม่เจ็บป่วย สำคัญที่สุดคือเท้า...หัวเข่า เพราะต้องใช้งานไม่หยุด ไม่ว่าจะเดินช้าหรือเร็ว

คนพื้นที่จะรู้พื้นที่ได้ดี สอบถามจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์...เรื่องบางเรื่องไม่เชื่อก็อย่าได้ลบหลู่ อย่างเรื่องเจ้าที่เจ้าทางของสถานที่นั้นชื่ออะไร ศาลอยู่ที่ใด เวลาตกอยู่ในอันตรายหรือหลงป่าหรือโดนสัตว์ทำร้ายจะได้ยกมือไหว้ขอความช่วยเหลือจากท่านได้... “เจ้าที่คือเทวดาคอยช่วยเหลือคนดี เพื่อเอาบุญ ท่านไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนนอกจากความเคารพจากเรา แต่ถ้าเป็นคนไม่ดีท่านก็อาจจะไม่ช่วย”

...

สมัยก่อนปี 2550 ยังไม่มีจีพีเอสรับสัญญาณในป่าทึบได้ดี ประสบการณ์คนเดินป่าคนหนึ่งเข้าป่าก็มักจะหลงป่าเป็นประจำด้วยความประมาท แต่อาศัยขอเจ้าที่เจ้าทางช่วย จึงออกจากป่ามาได้ทุกครั้ง ไม่เคยพลาด...หากไม่รู้จักศาลเจ้าที่ของที่นั่นจริงๆให้นึกถึงเจ้าที่ก็ใช้ได้เหมือนกัน หรือจะนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองเคารพก็ได้

ครั้งสุดท้ายที่เจ้าของคัมภีร์ “คู่มือเดินป่า” หลงป่าคือภูสอยดาว ในปี 2547 เดินลงมาจากภูตอน 4 โมงเย็น ปล่อยให้ลูกหาบวิ่งลงไปก่อน ส่วนตัวก็เดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยเพราะมั่นใจว่ามีไฟฉายติดตัวถึง 3 กระบอก เดินกลางคืนได้สบาย พอมาถึงสันเขากลางทางก็มืดพอดี หยิบไฟฉายมาเดินต่อไปได้ไม่กี่นาทีปรากฏว่าถ่านหมด

“หาดูถ่านสำรองก็ไม่มี...คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด ขนาดอยู่บนสันเขาโปร่งๆยังมองไม่เห็นแม้แต่มือ...เท้าตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคลำทางไปต่อ จึงนั่งอยู่ตรงนั้น นึกว่าถ้านั่งอย่างนี้ทั้งคืนคงต้องแย่แน่ จึงนึกถึงศาลเจ้าพ่อภูสอยดาวตรงทางขึ้น แล้วยกมือไหว้ ขอให้ท่านช่วย...แล้วนั่งรอสักพักด้วยมั่นใจว่าเดี๋ยวต้องมีความช่วยเหลือ”

รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีแสงไฟวับๆแวมๆเดินขึ้นเขามา เป็นลูกหาบคนเดิมนั่นเอง เขาบอกว่าข้างบนสั่งของกินจึงต้องรีบกลับขึ้นมา เขาให้เทียนมา 1 แท่ง แต่ก็ขอมา 2 แท่ง แล้วอาศัยแสงเทียนเดินลงเขามาคนเดียว

นึกในใจว่า...ถ้าเทียนเจอลมดับเมื่อไหร่ เราคงต้องหยุดอยู่ตรงนั้น แต่น่าแปลกที่ตลอดทางเทียนไม่ดับเลยและระหว่างทางก็ไม่เจอคนเดินสวนมาอีกเลย เดินมาหลายชั่วโมงพอถึงกลางทางเทียนเล่มแรกหมด

ต่อเล่มสอง เดินทางจนเทียนเกือบจะหมดแล้ว จึงมาถึงศาลเจ้าพ่อภูสอยดาว พอเดินผ่านศาลก็มีลมพัดวูบใหญ่ผ่านหลังไป

...เหมือนบอกให้รู้ว่า “ส่งถึงที่แล้วนะลูก” พอเดินไปอีกไม่กี่สิบเมตรก็ถึงถนนลาดยาง เริ่มเห็นแสงไฟส่องเท้า แล้วเทียนก็โดนลมที่พัดมาตามลำห้วยเป่าดับทันที ความรู้สึกหลุดออกมาจากป่าตอนนั้นคือ...น้ำตาไหล

ว่ากันถึงภัยอันตรายต่างๆนับแต่สัตว์ร้าย โรคร้าย ภัยธรรมชาติ แค่ยุง เห็บ ทาก ริ้น คุ่น...ริ้นดำก็ทำให้เราเสียศูนย์ได้ ป่าบางแห่งมีช้างหรือเสือที่ชอบทำร้ายคน ป่าบางแห่งก็เคยมีคนอยู่มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จึงมีพวกอมนุษย์อยู่มาก อาจเป็นที่อยู่ของชาวลับแล ทำให้มีอาถรรพณ์มากเข้าไปจะต้องระวังคำพูดและการกระทำ

แค่ฉี่ผิดที่ก็อาจจะถูกตามกลับมาถึงบ้านได้ บางแห่งเป็นป่าช้าของชาวเขา ถ้าไปนอนในสถานที่เหล่านี้ อาจโดนผีมาทำร้ายได้ เมื่อรู้แล้วจะได้เปลี่ยนที่นอนในละแวกที่ปลอดภัย

ในป่าไม่มีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เราต้องแบกของกินของใช้ติดตัวไปด้วย เอาเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ ยิ่งถ้าเข้าป่าลึก เดินหลายวัน ยิ่งต้องแบกเฉพาะของที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายเท่านั้น...

“มนุษย์” ต้องการ 3 อย่างเพื่อให้ร่างกายทำงานปกติ น้ำสะอาด อาหารครบ 5 หมู่ และได้นอนหลับสนิทบนที่แห้ง อบอุ่น ปราศจากแมลง สัตว์รบกวน ถ้าสิ่งใดขาดร่างกายจะเริ่มเฉื่อยลง

หลักการอยู่ป่าคือ...อย่ายื่นมือหรือเท้าไปในที่ๆเรามองไม่เห็น เพราะอาจโดนตัวอะไรกัด โดยเฉพาะในรูมักเป็นที่อยู่ของสัตว์ตั้งแต่เล็กๆอย่างแมงมุม งูจนถึงสัตว์ใหญ่อย่างหมูป่าหรือหมาป่า เวลาเดินป่าอย่างน้อยควรจะมีไม้สักอันไว้เขี่ยดู ไม้รูปตะขอตรงปลายจะใช้เกี่ยวได้ แต่ถ้าเจอกิ่งไม้แข็งๆหรือมีขนาดใหญ่ๆก็ต้องใช้มีดฟัน

ทางเดินในป่าที่มีสัตว์ชุกชุม มี 2 ประเภท คือทางด่านสัตว์ และตรอกซอกซอยที่สัตว์เข้าไปหากิน...ทางเดินในป่าที่มีสัตว์ชุกชุมก็จะเหมือนเมืองของคนมีทางหลักที่สัตว์ทุกชนิดใช้สัญจรไปมาเรียกว่า “ทางด่านสัตว์” เปรียบเสมือนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ สัตว์จะอาศัยลงเขาเพื่อกินน้ำ ขึ้นเขาเพื่อหาอาหาร ใช้กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น

ถ้าตอนกลางคืนเฝ้าดูอยู่ข้างทางด่านสัตว์ จะเห็นสัตว์เดินผ่านไปมาบนทางด่านสัตว์จะมีตรอกซอกซอยแยกออกไป ที่สัตว์เข้าไปหากินพืชพอกินแล้วก็จะวกกลับมาเข้าทางด่านสัตว์

...

เจ้าหน้าที่ป่าไม้หลายแห่งเฝ้าติดตามช้างพบว่าเส้นทางที่ช้างเดินจะเหมือนกับเส้นทางที่ช้างตัวอื่นเคยเดินมาในอดีต ถึงแม้ว่าช้างจะเลี้ยวออกจากทางด่านสัตว์ไปหากินไกลเท่าใดก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะหันหลังกลับมาทางเดิมได้เสมอ ถึงแม้ว่าจะถูกคนต้อนไปทางอื่น แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะไม่ยอมไป...ต้องย้อนกลับมาทางเดิม

ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่า...มันรู้ทางได้อย่างไร จะเห็นได้ว่าถ้าเราเดินเลี้ยวออกจากทางด่านสัตว์เข้าไปในซอยมักจะเจอทางตัน ถ้าออกจากซอยก็จะเจอทางสัตว์...ทางด่านสัตว์แท้ๆสังเกตว่าทางจะโล่งขนาดเดินกางแขนได้โดยไม่มีใบไม้มาโดนตัวเลย อาจมีบางช่วงที่แคบลงแต่ยังเดินได้สบายโดยไม่ต้องง้างมีดฟันเถาวัลย์...กิ่งไม้

ธรรมชาติของ “สัตว์ป่า”...จะไม่ทำร้ายคน ยกเว้นจะเป็นสัตว์แม่ลูกอ่อน หวงลูก หรือคนไปขวางทางเดิน...การหากิน สัตว์ป่าที่ทำร้ายคนโดยไม่มีสาเหตุเกิดจากเคยโดนคนทำร้ายมาก่อนทำให้จำฝังใจ ถึงแม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ยังตรงเข้าทำร้าย ทำนองเดียวกับสุนัขตามบ้านวิ่งไล่กัดรถยนต์ทุกคันที่วิ่งผ่านเพราะเคยโดนเฉี่ยว

สัตว์ทุกชนิดถ้าเราทำให้มันบาดเจ็บด้วยปืนหรือมีดก็ตาม ถ้ามันไม่ตายมันจะไม่หนีแต่จะโกรธแล้วกระโจนเข้ามาทำร้ายทันที สัตว์บาดเจ็บจะสู้จนกว่าจะหมดแรง ...ในระยะกระชั้นชิด ปืนแทบจะไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้กับสัตว์ใหญ่ หรือแม้แต่ปืนไรเฟิลถ้ายิงไม่โดนจุดสำคัญคือ “หัว”...สัตว์ก็จะไม่ตาย

ธรรมชาติของเสือจะหนีคน โอกาสเจอเสือจึงยากมาก...เสือกลมกลืนอยู่กับธรรมชาติได้เป็นอย่างดีอาจจะอยู่ห่างเราแค่ไม่กี่เมตรโดยที่เราไม่เห็นเดินเงียบจนเราไม่ได้ยินเสียง บางครั้งอาจสัมผัสได้แค่กลิ่นสาบเท่านั้น...

เคยมีคณะติดกล้องถ่ายภาพสัตว์แบบอัตโนมัติที่ป่าต้นแม่น้ำเพชรตามทางไปเรื่อยๆ อาศัยจับความร้อนเวลาสัตว์เดินผ่าน พอล้างรูปออกมา ดูเวลาในรูปแล้วต้องตกใจเพราะว่าตอนนั้นมีเสือดำเดินตามพวกเขาอยู่

...

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทั้งหมดเหล่านี้แนะนำสำหรับผู้อยากจะสัมผัสธรรมชาติ ล้างสมองชิลล์ๆกับต้นไม้ใบหญ้า คนละเรื่องกับคดีคนใหญ่เข้าป่าล่าสัตว์แบบมืออาชีพ...ที่แบกทั้งอาวุธหนักเต็มพิกัด ข้าวของจำเป็นจัดเต็ม พร้อมภาพ “เสือดำ”...ถูกถลกหนังเป็นตัว เลาะกะโหลกออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ.