ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พบกับธรรมะง่ายตามสไตล์ธรรมเดลิเวอรี่ส่งถึงที่ ซึ้งถึงใจเหมือนเดิม

ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายท่านถามอาตมาว่า หลวงพี่ครับมีเหตุเกิดขึ้นที่บ้านเราหลายเรื่อง เช่นเรื่องอุบัติเหตุ ที่ตำรวจโบกรถให้จอด แล้วมีรถชนกันหลายคัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง และที่เป็นข่าวใหญ่คือ พระจันทร์สีเลือด หลายคนถามอาตมาว่า หลวงพี่ครับแล้วแบบนี้มันจะเป็นลางร้ายไหมครับหลวงพี่ ผมกลัวมาก กลัวว่าจะเกิดภัยพิบัติกับบ้านเมืองเรา

เรื่องนี้อาตมาขอหยิบยกคำสอนในพุทธศาสนามาให้โยมพิจารณาดูแล้วกัน ครั้งนั้นมีมาณพชื่อว่า อุปติสสะ และ โกลิตตะ (พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ) เกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงชวนกันไปหาความจริงของชีวิต มาณพทั้งสองก็ได้มาเจออาจารย์ชื่อว่าสัญชัย จึงได้เข้าไปขอเป็นศิษย์และเรียนวิชาต่างๆ กับอาจารย์ เรียนไปไม่กี่วันอาจารย์บอกว่า เราสอนวิชาให้เจ้าจนหมดสิ้นแล้ว ขอให้ท่านไปทบทวนเอาเองแล้วกัน เมื่อมาณพทั้งสองมาทบทวน ก็ปรึกษากันว่าคงไม่ใช่วิชาความจริงของชีวิต จึงได้แยกย้ายกันเพื่อเสาะหาอาจารย์ท่านต่อไป และบอกกันว่าใครได้รู้ความจริงของชีวิตก่อนขอให้บอกกันด้วย

เอาแบบง่ายๆ แล้วกันนะโยม ขณะที่หนุ่มอุปติสสะกำลังเดินทางไปหาอาจารย์ และทันใดนั้นก็เห็นพระรูปหนึ่งชื่อว่าพระอัสสชิ เป็นหนึ่งในพระปัญจวัคคีย์เป็นสาวกรุ่นแรกของพระพุทธเจ้า หนุ่มอุปติสสะเห็นกิริยาอันสงบของพระรูปนั้น จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงถามว่าใครเป็นศาสดาของท่าน ศาสดาของท่านสอนไว้อย่างไร

พระอัสสชิ ตอบว่า อาตมาเป็นพระใหม่ ไม่อาจตอบสาระธรรมที่ลึกซึ้งได้ แต่ได้แสดงธรรมสำคัญอันเป็นหัวใจพระศาสนา โดยย่อว่า... เยธัมมา เหตุปัปภวา ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุของธรรมเหล่านั้นและความดับของธรรมเหล่านั้น

...

เมื่อพระอัสสชิกล่าวจบ หนุ่มอุปติสสะ หรือพระสารีบุตร ซึ่งเป็นผู้ที่มีปัญญามาก และกำลังแสวงหาธรรมแห่งการหลุดพ้น เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น ก็เกิดความรู้แจ้ง ได้ดวงตาเห็นธรรม และพระอัสสชิก็ได้พาอุปติสสะและโกลิตะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้บวชจนได้เป็นอัครสาวกซ้ายขวา

ที่อาตมาหยิบยกเรื่องนี้มาพูดก็เพราะว่า พุทธองค์ทรงสอนว่า "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้"

หมายความว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่จะเกิดขึ้นมาลอยๆ มันจะต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุมันก็ต้องมีผล

เหมือนพระจันทร์สีเลือด ไม่ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นมาลอยๆ มันเป็นปรากฏการณ์ของดวงจันทร์ 3 อย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน คือ ซุปเปอร์มูน บลูมูน และ บลัดมูน มันเป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติ

ซุปเปอร์มูน คือ พระจันทร์เต็มดวง ที่เกิดขณะในจังหวะที่ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ใกล้โลกมากที่สุด ทำให้เห็นดวงจันทร์มีขนาดใหญ่กว่าปกติ

บลูมูน เป็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวงถึง 2 ครั้ง ในเดือนเดียวกัน คือ มกราคม 2561 ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งแรกเมื่อ 2 มกราคม เรียกว่า Full Moon และ 31 มกราคม เต็มดวงครั้งที่สอง จะเรียกว่า Blue Moon

บลัดมูน ในขณะที่เกิดเงาโลกบดบังดวงจันทร์จนมิด สาเหตุที่เรามองเห็นดวงจันทร์สีแดงชั่วคราว เพราะแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยังผ่านเข้าไปในอวกาศ และมีอนุภาคฝุ่นในอวกาศสะท้อนขึ้นในบรรยากาศ ขณะเกิดจันทรุปราคาในช่วงเงามืด

ดังนั้นเมื่อเราใช้ปัญญาพิจารณาตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราจะเข้าใจดีว่า ชีวิตคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงเดือน หรือดวงดาว ไม่มีพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระอาทิตย์อมแฮ็คส์ พระจันทร์อมฮอลล์

สรุปก็คือ มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ถ้าเป็นความเชื่อในพุทธศาสนาคือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่การทำตัว ไม่เกี่ยวกับดวงจันทร์ มันอยู่ที่การกระทำของเราเจริญพร