ชาวเขาเชียงรายสุดเศร้า! ร้องหมาแมวกว่า 100 ตัว ถูกสังหารโหดหมู่ ทั้งหมู่บ้าน เหตุหน่วยงานราชการอ้าง ป้องกันพิษสุนัขบ้าระบาด เหตุพบแพร่ระบาดในพื้นที่ ชาวบ้านจำใจต้องมอบสัตว์เลี้ยงแสนรักให้ทั้งน้ำตา เพราะกลัวต้องจ่ายค่าปรับ
จากกรณีกลุ่มมูลนิธิและองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ในประเทศไทยกว่า 7 องค์กร ร้องเรียนถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์เพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ นำสัตว์เลี้ยงสุนัขและแมวของชาวบ้านจะลอ ม.10 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จำนวนกว่า 100 ตัว ไปกำจัดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่เป็นธรรมตามกรอบวิธีการปฏิบัติตามลำดับใน พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ และ พ.ร.บ.โรคพิษสุนัขบ้า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้เข้าพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในหมู่บ้านจะลอ ชุมชนชาวเขาหลายชนเผ่า เลียบแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา จากการสำรวจพบว่า ในหมู่บ้านไม่เหลือแมวแม้แต่ตัวเดียว และเหลือเพียงสุนัขอยู่เพียง 4 ตัว คือที่บ้านเลขที่ 149 ของนายพงษ์ศักดิ์ วิเศษพิมลกุล อายุ 27 ปี จำนวน 2 ตัว และบ้านเลขที่ 71/1 ของ น.ส.ธิดารัตน์ มาเยอะ อายุ 26 ปี อีก 2 ตัวเท่านั้น ซึ่งบ้านทั้งสองหลังกำลังอยู่ระหว่างจัดทำกรงเหล็กไว้ขังสุนัขทั้ง 4 ตัว ตามคำสั่งของสำนักงานปศุสัตว์อำเภอแม่ฟ้าหลวง เพื่อรอดูอาการโรคพิษสุนัขบ้า
...
โดยนายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา มีสุนัขที่ครู ตชด.นำมาเลี้ยงภายในโรงเรียนสังวาลย์วิท 8 อยู่ห่างจากท้ายหมู่บ้าน 500 เมตร เกิดติดโรคพิษสุนัขบ้า แล้วไปกัดกับสุนัขในหมู่บ้านทำให้ติดเชื้อจำนวน 7 ตัว ต่อมาทางปศุสัตว์ได้มาขอตัวสุนัขทั้ง 7 ตัว เพื่อนำไปกักกำจัดไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค โดยชาวบ้านและเจ้าของก็ยินยอม
ต่อมา วันที่ 26 มกราคม ได้เรียกตัวแทนชาวบ้านที่เลี้ยงสุนัขและแมวหลังละ 1 คน เข้าประชุมทำความเข้าใจ และขอชาวบ้านลงประชามติว่า จะให้กำจัดสุนัขและแมวที่เหลือทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 100 ตัว หรือไม่ โดยอ้างว่าก่อนหน้านี้ก็มีการแพร่ระบาดในพื้นที่หมู่บ้านแม่แสลบ ต.แม่ฟ้าหลวง ชาวบ้านก็นำสัตว์เลี้ยงไปมอบให้กำจัดทั้งหมด
แรกเริ่มชาวบ้านก็ไม่ยินยอม เพราะสงสารสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงมากับมือ โดยขอให้กักกันเพื่อดูอาการ 14 วัน หากไม่พบการติดเชื้อก็จะไม่ได้ต้องกำจัด แต่ทางเจ้าหน้าที่อ้างระเบียบว่าจะต้องมีการกักพื้นที่สัตว์เลี้ยงเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยจะต้องจัดที่คุมขังด้วยกรงไม่ให้ออกนอกบริเวณบ้าน หากตรวจพบว่ามีการปล่อยสัตว์ออกมานอกกรงหรือนอกรั้วบ้าน หรือไปกัดคนหรือสัตว์อื่นจนเกิดการแพร่ระบาดของโรค ก็จะต้องรับผิดทางกฎหมาย มีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับเป็นเงินหลายหมื่นบาท ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้ด้านกฎหมายและมีฐานะยากจน ไม่มีเงินสร้างกรงหรือรั้วกั้นบ้านและกลัวว่าจะต้องจ่ายเงินค่าปรับ ทำให้จำใจต้องลงมติในที่ประชุมให้กำจัดสัตว์เลี้ยงทั้งหมด จนในวันที่ 27 มกราคม ก็ให้ชาวบ้านนำสุนัขและแมวไปมอบให้ทางเจ้าหน้าที่จุดรับศาลาประจำหมู่บ้านและบริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านจะลอ ซึ่งทำแบบเป็นความลับโดยไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปดูหรือเป็นการบันทึกภาพใดๆ ตนและเพื่อนบ้านอีกหลายคนเห็นว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจึงไม่ยอม ก็ถูกข่มขู่จนต้องทะเลาะกันจนเพื่อนบ้านหลายคนต้องยอม เหลือเพียงตนและเพื่อนอีกคนเท่านั้นที่ไม่ยอมให้ โดยยืนยันว่าจะกักสัตว์ไว้เองและยินดีรับผิดชอบทุกอย่างต่อสัตว์เลี้ยงของตน และทำตามขั้นตอนของทางปศุสัตว์ทุกอย่าง ทางเจ้าหน้าที่ถึงยินยอม
ด้านนายอลงกรณ์ วิบูลย์เดชขจร หนึ่งในชาวบ้านที่นำสัตว์เลี้ยงไปให้เจ้าหน้าที่กำจัด กล่าวว่า ตนเลี้ยงแมวมา 1 ตัว ตั้งแต่ตัวเล็กๆ เมื่อถูกให้นำไปมอบรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จำใจต้องนำไปมอบทั้งน้ำตา เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่ต้องร้องไห้ขณะนำสัตว์ไปมอบให้ เพราะต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก ตอนนี้ไม่รู้สัตว์ที่ทางเจ้าหน้าที่เอาไปเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ชาวบ้านเชื่อว่าอาจตายหมดแล้ว ซึ่งก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น หากเป็นไปได้นำสัตว์เลี้ยงของพวกตนมาคืนหรือนำสัตว์อื่นมาทดแทน เพราะยังอยากจะเลี้ยงสัตว์กันอยู่
อย่างไรก็ตาม ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังสำนักงานปศุสัตว์อำเภอแม่ฟ้าหลวง เจ้าของเรื่องได้รับการชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความเจตนาของเจ้าหน้าที่ที่จะทำการกำจัดสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น เพราะเจ้าหน้าที่คลุกคลีงานด้านปศุสัตว์ก็มีความรักสัตว์ แต่ด้วยระเบียบของการควบคุมโรคในฐานะการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งก็ได้มีการขอประชามติจากชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันไม่ได้มีการข่มขู่ แต่เป็นการชี้แจงระเบียบตามขั้นตอนและผลกระทบต่อกรณีการเกิดการแพร่ระบาดแก่ชาวบ้านให้เข้าใจ โดยต้องนำสัตว์มากำจัดและนำตัวอย่างไปตรวจหาเชื้อที่ศูนย์ จ.ลำปาง เพื่อป้องกันไม่ให้ระบาดไปสู่คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนก็เสียใจกับการทำงานที่เกิดขึ้นเพราะต้องทำใจอย่างมากเช่นกัน แต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์และระบุว่า ทางปศุสัตว์จังหวัดเชียงรายจะเป็นผู้ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นกับทางกรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง.
...