คนเขียนมาชื่นชมการปฏิบัติการต่อเนื่องของตำรวจท่องเที่ยว “ยุทธการ อินทรีทมิฬ” (Black Eagle) มีการสืบสวนและนำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเป้าหมาย กวาดล้างกลุ่มชาวต่างชาติ ทลายเครือข่ายชาวต่างชาติหลบหนีก่อคดีในไทย ทำกันมาต่อเนื่อง

บอกว่า เรื่องชาวต่างชาติที่แฝงตัวอยู่ในคราบนักท่องเที่ยวเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติ มากบดาน หลบหนีคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงเข้ามากบดานในเมืองไทย ทุกเรื่องล้วนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองไทย เห็นทุกครั้งที่จับกุมแถลงข่าวล้วนเป็นคดีใหญ่ เป็นแก๊งข้ามชาติรายสำคัญ

แต่ไม่เห็นหน่วยไหนใส่ใจ

เท่าที่เห็นไม่มีหน่วยงานไหน กำหนดเป้าหมาย ระดมกวาดล้าง จับกุมแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคนดำที่เข้ามาก่อคดีในบ้านเรา หน่วยงานไหนให้ความสนใจกลุ่มแก๊งต่างชาติที่เข้ามาสร้างปัญหา ปล่อยให้ เป็นข่าวสร้างความเสียหายมานาน

จนมาเห็นตำรวจท่องเที่ยวบูรณาการกำลังตำรวจ 191 หน่วยอรินทราช 26 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจนครบาล กวาดล้างแก๊งข้ามชาติ แก๊งคนดำ

พบกลุ่มบุคคลเหล่านี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ

กลุ่มเครือข่ายปลอมธนบัตร “แบล็กมันนี่” กลุ่มเครือข่ายหลอกลวงแต่งงาน “โรมานซ์สแกม” กลุ่มเครือข่ายผลิตและปลอมบัตรเครดิต “สกิมมิ่ง” กลุ่มคนหลอกลวงเพชรปลอมมาจำหน่าย หรือแก๊งค้ายาเสพติด

เป็นการป้องปรามไม่ให้มีการกระทำผิดที่เกิดขึ้น

ไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวง

ชาวบ้านมีความอุ่นใจทุกครั้งที่เห็นข่าว ตำรวจ ทหาร ทลายจับกุมเครือข่ายแก๊งเหล่านี้

คนเขียนบอกว่า ปัจจุบันกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะแก๊งคนดำ ที่แอบแฝงมาในคราบนักท่องเที่ยว ได้พัฒนารูปแบบและวิธีการในการ ทำผิด หลบเลี่ยง ตบตา อำพรางเจ้าหน้าที่

...

บางกลุ่มมีเจ้าหน้าที่รัฐสนับสนุนช่วยเหลือ ยิ่งสืบสวนจับกุมเครือข่ายทำได้ยากมากขึ้น

แต่ก็ไม่รอดพ้นการเกาะติด การทำงานอย่างหนักของตำรวจท่องเที่ยว ที่เปิดยุทธการ “อินทรีทมิฬ” ไล่จับกุมคนต่างชาติที่เข้ามาในไทยเพื่อทำผิดทุกรูปแบบ ใช้การกดดัน และขยายผลเข้าหาต้นตอของปัญหา

ตำรวจท่องเที่ยวทำงานหามรุ่งหามค่ำ เสี่ยงอันตรายทุกวัน แต่มีผลงานต่อเนื่อง

เพื่อไม่ให้มีแก๊งอาชญากรรมใช้เมืองไทยเป็นฐานกระทำผิดอีก

อยากเห็นทุกหน่วยงานเอาจริงกันแบบนี้.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th