โลกร้อน ภูมิอากาศเปลี่ยน ส่งผลกระทบ
ต่อการผลิตภาคเกษตรโดยตรง...ปี 2561 จะมี ปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้น ที่คนเกษตรควรรู้และ เตรียมรับมือ
ลองมาดูการคิดวิเคราะห์จากนักวิชาการนักวิจัยพันธุ์พืช โรคพืช และแมลงศัตรูพืช มองอนาคตข้างหน้าอย่างไร
“การวิจัยภูมิอากาศที่มีผลกับการเจริญเติบโตของพืชทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ ที่ได้รับงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ศึกษาจากอดีตมาถึงปัจจุบัน และทำนายไปถึงในอนาคตได้ พบค่าเฉลี่ย 50 ปีที่ผ่านมา โลกร้อนขึ้น น้ำทะเลสูงขึ้น หลายประเทศทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน มีบางพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ในบางพื้นที่ลดลง นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกออกมายอมรับถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้น มีผลกระทบโดยตรงทั้งมนุษย์ สัตว์ และพืช”

รศ.ดร.เอ็จ สโรบล นักวิชาการด้านสรีรวิทยาการผลิตพืช พืชไร่ ภูมิอากาศพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยถึงผลศึกษาวิจัยที่มีต่อพืชว่า จากการบันทึกการเจริญเติบโต ของพืชหลายชนิด
พบว่าผลผลิตพืชของประเทศ ไทย มีปริมาณลดลง หรือถูกทำลายได้ง่ายขึ้น ทั้งจากสภาพอากาศ แมลงศัตรูพืช เชื้อไวรัส ฯลฯ
...
“สาเหตุเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้พืชหายใจสูงขึ้น หายใจเร็วขึ้น พูดง่ายๆ พืชเหนื่อย สังเคราะห์แสงได้น้อยลง แม้โลกร้อน จากมีคาร์บอนไดออกไซด์มาก มองดูเผินๆน่าจะดีกับพืช เพราะพืชใช้คาร์บอนไดออกไซด์ไปปรุงอาหาร แต่เมื่อพืชต้องหายใจสูงขึ้น การเหี่ยวเฉาและทรุดโทรมของต้นพืชจะมาเร็วเช่นกัน เพราะพืชมีการปรับตัวตามธรรมชาติ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามกาลเวลา”
จึงอยากฝากถึงภาครัฐ จะต้องเข้ามาดูแลเกษตรกรให้มากขึ้นกว่านี้ ต้องเข้าถึงเกษตรกรในทุกรูปแบบ
โดยเฉพาะโลกโซเชียล ทุกครอบครัววันนี้มีสมาร์ทโฟน คนรุ่นใหม่ ที่มีคนรุ่นเก่าทำการเกษตร สามารถนำข้อมูลมาบอกผู้ใหญ่ได้ ราชการต้องเป็นหลักในการนำเสนอข้อมูล มีทั้งกลุ่มเว็บไซต์กลุ่มไลน์ ให้เป็นที่น่าเชื่อถือของเกษตรกร ไม่ใช่ปล่อยให้ไปหลงเชื่อข้อมูลจากไลน์ที่ไหนก็ไม่รู้ ที่ให้ข้อมูลแบบมั่วๆ

ด้านบุญมี ออกแมน รอง กก.ผจก.ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัทเจียไต๋ จำกัด ให้ข้อมูลถึงผลจากภาวะโลกร้อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและกำลังเป็นปัญหาในหลายประเทศทั่วโลก นั่นก็คือ แมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
แมลงสองชนิดนี้ เป็นพาหะนำเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคใบหงิกในพืช และมีรายงานในกลุ่มผู้ค้าเมล็ดพันธุ์ว่า ไวรัสที่ มากับแมลงหวี่ขาว และเพลี้ยไฟ มีการพัฒนากลายพันธุ์ไปมาก จากเดิมเชื้อไวรัสก่อให้เกิดโรคใบหงิกมีหลายชนิด ได้รวมตัวกันเป็นไวรัสสายพันธุ์ ที่มีฤทธิ์ ในการทำลายล้างพืชได้มากขึ้นและรุนแรงขึ้น กลายเป็นปัญหาที่หลายประเทศกำลังหาวิธีการป้องกันกำจัด และมีการปรับปรุงพันธุ์ของพืชให้ทนไวรัสพันธุ์ใหม่ด้วย
ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า เป็นเวลานับสิบปีที่คนทั่วโลกตื่นตัวหันมารณรงค์ลดโลกร้อน แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามคาด เรื่องเดิมๆยังคงเกิดอยู่ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หมีขาวกำลังจะไร้ที่อาศัย โรคร้ายต่างๆในอดีตมีโอกาสฟื้นคืนมาจากอุณหภูมิโลกที่อุ่นขึ้น โรคจากเขต ร้อนจะเริ่มมีให้เห็นในเขตหนาว สำหรับไทยเราต้องเผชิญกับสภาวะอากาศแปรปรวนอย่างไม่ต้องสงสัย เห็นได้จากวันนี้ โรคไข้หวัดสามารถแพร่ได้ทุกฤดูกาลผิดกับเมื่อก่อนจะมีเฉพาะบางฤดู
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลต่อแมลงพาหะโรค รวมถึงแมลงศัตรูพืช แพร่กระจายพันธุ์ได้บ่อยครั้งขึ้น ปัจจุบันอากาศแปรปรวนเริ่มชัดเจนขึ้นในทุกประเทศ แต่ในพื้นที่เขตหนาวจะค่อนข้างเห็นผลมากกว่า เพราะอากาศอบอุ่นขึ้น โรคแมลงที่อยู่ในเขตร้อนสามารถปรับตัวให้เข้ากับภูมิอากาศได้ จนสามารถแพร่พันธุ์ได้ในบางฤดูกาล ฉะนั้นเราต้องรู้ให้เท่าทันโรคว่าเดี๋ยวนี้เกิดขึ้นได้ตลอดทุกฤดูกาล ดังนั้น เกษตรกรต้องติดตามข่าวสารจากภาครัฐ เพื่อให้ทันต่อการเตรียมตัวรับมือ”

...
มานิตา คงชื่นสิน นายกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย อธิบาย ภาวะสภาพอากาศแปรปรวนปัจจุบันทำให้โลกร้อนขึ้น ส่งผลต่อวงจรชีวิตของแมลงจากไข่ไปเป็นตัวเต็มวัยสั้นลง เมื่ออายุขัยน้อยลง ตัวเต็มวัยจึงแพร่พันธุ์ออกลูกหลานได้ถี่ขึ้น
“ยกตัวอย่างแมลงชนิดหนึ่งเคยมีวงจรชีวิตจากไข่เป็นตัวเต็มวัย 3 สัปดาห์ แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น วงจรห่วงโซ่อายุแคบลง แมลงจึงจำต้องแพร่พันธุ์ได้ถี่ขึ้น เพื่อคงสภาพเผ่าพันธุ์ต่อไป ในสภาพเช่นนี้ยังจะทำให้แมลงมีไข่เพิ่มขึ้นจากสภาวะปกติ แต่ตรงกันข้ามถ้าสภาพอากาศเย็นจะเป็นตรงกันข้าม แมลงจะจำศีล อยู่นิ่งๆ หลบหนีความหนาวเหมือนสัตว์ทั่วไปในเขตหนาว”
วิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป บ.อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรายใหญ่ในไทยให้ทัศนะ...ด้วยภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป สภาวะโลกร้อนเอื้อต่อการระบาดของโรคและแมลง ผลกระทบที่ตามมา เกษตรกรต้องใช้ยาและสารเคมีพ่นกำจัดแมลงเพิ่มขึ้น การจะปลูกพืชเกษตรกร ต้องปลูกแบบยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนที่จะปลูกอะไรได้ง่ายๆไปตามสภาพการณ์
“ดังนั้น เกษตรกรจะทำอะไรก็ตามแต่ ต้องดูความต้องการของตลาดเป็นหลักไม่ใช่คิดว่าแห่ทำตามกันไป หรืออาจจะปลูกพืชฉีกแนวต่างจากคนอื่น แต่ต้องพินิจพิเคราะห์ เลือกปลูกพืชที่ตลาดในท้องถิ่นต้องการ เพราะแต่ละพื้นที่ความต้องการบริโภคพืชแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เกษตรกรต้องรู้จักปรับตัวให้คุ้นเคยกับการตลาดมากขึ้น”
วันนี้ยังไม่มีมาตรการใดๆมาคลี่คลายปัญหาโลกร้อนได้ ฉะนั้นเกษตรกรต้องปรับตัว เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ทุกสภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้ และจะมีให้เห็นกันถี่มากขึ้น.
ทีมข่าวเกษตร